Football Sponsored

เสียงแตกสองฝั่ง “แอนโทนี” ทำท่าเบื่อโลกหลัง “เวกฮอร์สต์” พังประตูใส่ “นอตติงแฮมฯ” (คลิป)

Football Sponsored
Football Sponsored

วันที่ 26 ม.ค. 66 เสียงแตกเป็นสองฝั่งสำหรับ แอนโทนี ตัวรุกชาวบราซิลของ “ปิศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมดังแห่งศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ภายใต้การนำทีม เอริก เทน ฮาก ผู้จัดการทีมชาวเนเธอร์แลนด์ ทำท่าเบื่อโลก หลัง เวาท์ เวกฮอร์สต์ ดาวยิงร่างโย่ง พังประตูใส่ “เจ้าป่า” นอตติงแฮม ฟอเรสต์ จากการยิงซ้ำในจังหวะสอง

จังหวะดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงครึ่งแรก นาทีที่ 45 เมื่อ แอนโทนี ได้บอลจากเพื่อนร่วมทีมบริเวณหน้ากรอบเขตโทษเยื้องขวาเล็กน้อย ก่อนตัดสินใจตะบันเต็มข้อด้วยเท้าซ้ายไปที่เสามุมขวามือ เวย์น เฮนเนสซีย์ นายทวาร “เจ้าป่า” นอตติงแฮม ฟอเรสต์ พุ่งปัดไว้ได้ในจังหวะแรกบอลกระดอนมาเข้าทาง เวาท์ เวกฮอร์สต์ พุ่งเข้ามาตามซ้ำในจังหวะที่สองเข้าประตูไป ซึ่งคนที่อยู่ใกล้ที่สุดอย่าง แอนโทนี ไม่ได้แสดงความดีใจหรือยินดีกับเพื่อนร่วมทีมที่ทำประตูได้ในจังหวะนี้แต่อย่างใด ส่วน มาร์คัส แรชฟอร์ด ที่ยืนอยู่ห่างออกไปเป็นคนที่สองกางมือแสดงความดีใจในจังหวะนี้ ก่อนผสมโรงด้วย ไทเรลล์ มาลาเซีย, คริสเตียน อีริคเซน, บรูโน เฟอร์นันเดส

จากจังหวะดังกล่าวที่ แอนโทนี ไม่ได้ดีใจนั้น มีความคิดเห็นจากแฟนบอลเป็นสองฝั่ง โดยฝั่งที่มองในแง่ลบมีความคิดเห็น อาทิ ทีมของเขาได้ประตู แต่กลับไม่ยินดีกับเพื่อนร่วมทีม มันเพราะอะไร, เขา (แอนโทนี) ดูผิดหวังมากกว่าทีมที่เสียประตูซะอีก, นี่คือสิ่งแรกที่ฉันสังเกตเห็นหลังทีมได้ประตู แอนโทนี อาจจะสร้างบรรยากาศที่ย่ำแย่กับทีมในอนาคตก็ได้, แอนโทนี ดูเหมือนคนที่เล่นเพื่อตัวเอง เขามันเป็นไวรัสตัวร้ายชัดๆ 

ขณะที่แฟนบอลอีกฝั่งที่มองในแง่บวกแสดงความคิดเห็นว่า ตอนแรกฉันก็ต่อว่าเขาคิดเหมือนกัน แต่ฉันคิดว่าเขาค่อนข้างผิดหวังกับความพยายามของตัวเองที่ไม่สามารถทำประตูได้, เขาไม่ใช่นักเตะที่แย่หรอก ผมคิดว่าเขาแค่ผิดหวังกับความพยายามของตัวเอง มันไม่มีอะไรมากกว่านั้นและมันไม่ใช่ทัศนคติที่ย่ำแย่, คนที่ต่อว่าเขาที่ไม่ไปยินดีกับ เวาท์ เวกฮอร์สต์ คุณต้องลองดูใหม่ เขาออกอาการผิดหวังตั้งแต่ถูกผู้รักษาประตู นอตติงแฮมฯ ป้องกันได้แล้ว เขาไม่เห็นด้วยซ้ำว่า เวาท์ เวกฮอร์สต์ เข้ามาซ้ำในจังหวะต่อมา, เขาไม่ใช่คนแบบนั้น เขาคงคิดว่า เวาท์ เวกฮอร์สต์ ล้ำหน้ามากกว่า

Football Sponsored
ฟุตบอล

ฟุตบอลเป็นกีฬาที่นิยมเล่นมากที่สุดในประเทศไทย โดยเริ่มเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2440 และฟุตบอลทีมชาติไทยได้ร่วมเป็นสมาชิกฟีฟ่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2468 นับว่าเป็นประเทศแรกของโซนเอเชียที่เป็นสมาชิกฟีฟ่า แต่เป็นทีมที่ในอดีตไม่ประสบความสำเร็จในระดับไหนเลย แต่ได้เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพเอเชียนคัพ 2007 ในอดีตประเทศไทยไม่ค่อยสนับสนุนนักฟุตบอลอาชีพนัก นักเตะจึงนิยมไปค้าแข้งกับประเทศอื่นที่มีการสนับสนุนดีกว่า แต่หลังจากปี พ.ศ. 2552 ฟุตบอลอาชีพไทยเริ่มตื่นตัว เนื่องจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียตั้งกฎข้อบังคับให้แต่ละสโมสรจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่มีสโมสรองค์กร รัฐวิสาหกิจ ปรับตัวไม่ได้ จึงต้องมีการยุบทีมทิ้ง หรือขายทีมไป หลังจากไทยพรีเมียร์ลีก 2552 เริ่มขึ้น แฟนบอลเริ่มเข้ามาชมเกมส์ในสนามมากขึ้น เงินเดือนนักเตะสูงขึ้น การจัดการของแต่ละสโมสรดีขึ้น ลีกไทยค่อย ๆ พัฒนาเป็นระดับ ส่งผลทำให้นักฟุตบอลที่เคยไปค้าแข้งต่างแดนกลับมายังประเทศไทย เนื่องจากค่าตอบแทนไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ผลงานทีมชาติกลับสวนทางเพราะว่าต้องใช้เวลาปรับตัว เนื่องจากยุคที่ลีกบ้านเรายังไม่เจริญนักฟุตบอลมีเวลาเตรียมทีมเยอะ แต่ปัจจุบันแทบจะไม่ค่อยมีเวลาเพราะสโมสรเรียกเก็บตัวซ้อมเพื่อการแข่งขัน นักเตะจึงต้องใช้เวลาปรับตัว แต่ถือว่าฟุตบอลของประเทศไทยพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพราะหลังจากนั้นเพียง 2 ปี แฟนบอลหันมาเชียร์ทีมในจังหวัดตัวเองมากขึ้น ทีมกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ส่งผลทำให้เกิดท้องถิ่นนิยม จึงเป็นที่มาที่แฟนบอลไทยเข้าไปชมเกมฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 และดิวิชั่น 2 มากขึ้นนั่นเอง

This website uses cookies.