Football Sponsored

บทเรียนลิขสิทธิ์ยิงสดบอลโลก… ทวงคืน 600 ล้าน 'มัสต์แครี่' ทบทวนหรือถอดทิ้ง?

Football Sponsored
Football Sponsored

บทเรียนลิขสิทธิ์ยิงสดบอลโลก… ทวงคืน 600 ล้าน

‘มัสต์แครี่’ ทบทวนหรือถอดทิ้ง?

“อาร์เจนตินา” คว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2022 ปิดฉากการแข่งขันเป็นที่เรียบร้อย แต่ในบ้านเรา ประเด็นดราม่าการถ่ายทอดสดการแข่งขันยังไม่จบ โดย “ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง” ยกคำร้องของ บริษัท ซุปเปอร์ บรอดแบนด์ เน็ทเวอร์ค จำกัด (เอสบีเอ็น) ผู้ให้บริการ “เอไอเอส เพลย์บ็อกซ์” ที่ขอให้ยกเลิกคำสั่งห้ามไม่ให้ถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโลก

โดยเอไอเอสยืนยันว่า การถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโลกไม่ถึง 2 วันนั้น ดำเนินการภายใต้กฎหมายและทำตามคำสั่งของสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ที่มีหนังสือด่วนที่สุด เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน ลงชื่อโดย นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รักษาการแทน เลขาธิการ กสทช. ให้ผู้ให้บริการโทรทัศน์แบบบอกรับสมาชิก (ไอพีทีวี) ทำตามกฎมัสต์แครี่ ในการถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโลกให้ประชาชนรับชมได้อย่างทั่วถึง

⦁ทำความเข้าใจกฎมัสต์แครี่
โดยกฎมัสต์แครี่ คือ ประกาศคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เรื่อง หลักเกณฑ์การเผยแพร่กิจการโทรทัศน์ที่ให้บริการเป็นการทั่วไป เป็นประกาศที่ออกมาเพื่อป้องกันจอดำ

กำหนดให้รายการในฟรีทีวี ต้องดูได้ผ่านทุกช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นภาคพื้นดินหรือระบบผ่านดาวเทียมหรือเคเบิลทีวี ไม่ว่าจะมีค่าสมาชิกหรือไม่ก็ตาม ซึ่งในปัจจุบันมีฟรีทีวีที่อยู่ในรายการมัสต์แครี่แค่ 6 ช่อง 3, 5, 7, 9, 11, และไทยพีบีเอส

ในอนาคตรายการมัสต์แครี่จะเพิ่มขึ้นเป็น 36 ช่อง คือ ทีวีดิจิทัลประเภทธุรกิจ 24 ช่อง และทีวีดิจิทัลบริการสาธารณะ 12 ช่อง (ไม่รวมทีวีดิจิทัลบริการชุมชน 12 ช่อง ซึ่งแต่ละชุมชนจะมีช่องไม่เหมือนกัน) เพื่อให้ประชาชนคนไทยทุกคนสามารถรับชมการเผยแพร่กีฬาที่สำคัญของโลกได้อย่างทั่วถึงและเท่าเทียม

แต่กลับโดน “กลุ่มทรู” ที่จ่ายเงินลงขันเพื่อซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด 300 ล้านบาท ใต้บันทึกข้อตกลงความร่วมมือ(เอ็มโอยู) กับการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เมื่อวันที่19 พฤศจิกายน ยืนยันว่า “กลุ่มทรู” เป็นเจ้าของสิทธิลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดการแข่งขันในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียว ยื่นฟ้องเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์ และขอให้ศาลมีคำสั่งห้ามไม่ให้ออกอากาศ

ขณะนั้น นายไตรรัตน์กล่าวว่า หนังสือด่วนที่สุดดังกล่าว เป็นไปตามมติที่ประชุม กสทช. และกฎมัสต์แครี่แต่ผู้ให้บริการไอพีทีวีต้องศึกษากฎหมายอื่นเองด้วย ดังนั้นการที่กลุ่มทรูจะดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้ประกอบการรายใดนั้น ไม่เกี่ยวข้องกับ กสทช.

ขณะที่ รศ.ดร.สิริพรรณ นกสวน สวัสดี อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก ยืนยันว่า สิทธิดังกล่าวเป็นของ กกท. แต่เหตุใดจึงโอนลิขสิทธิ์ให้กับกลุ่มทรูเป็นผู้ตัดสินใจ

อีกทั้ง “เอไอเอส เพลย์บ็อกซ์” ก็เป็นหนึ่งในผู้ให้บริการไอพีทีวี ที่ได้รับใบอนุญาตจากสำนักงาน กสทช. จึงมีส่วนในการจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ (กองทุน กทปส.) ภายใต้เอ็มโอยูระหว่าง กสทช. และ กกท. เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน จ่ายเงินลงขัน 600 ล้านบาท หรือ 50% ของค่าลิขสิทธิ์ทั้งหมด 1,200 ล้านบาท

⦁อลเวงเงิน600ล. กกท.ไม่คืน กสทช.
ฟาก “กสทช.” เห็นท่าไม่ดี จึงมีมติ 6 ต่อ 0 เสียง เมื่อวันที่ 8 ธันวาคมว่า หาก กกท. ไม่ทำตามเอ็มโอยูให้คืนเงินลงขันครึ่งหนึ่งนั้นมาภายใน 15 วัน นับแต่ได้รับแจ้งเป็นหนังสือ พร้อมดอกเบี้ยผิดนัดร้อยละ 5 ต่อปี (หากมี) ซึ่ง ศาสตราจารย์คลินิก นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธาน กสทช. ชี้ช่องว่า กกท.เพียงยกเลิกเอ็มโอยูกับ กลุ่มทรู จะไม่คืนเงินก็ได้ แต่เจอ ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าฯ กกท. สู้กลับ โดยมีหนังสือตอบกลับทันทีว่า กกท. ไม่ได้ทำผิดอะไร

“หาก กสทช.ยืนกรานว่าจะเรียกเงิน 600 ล้านบาทคืนก็คงต้องไปสู้กันในกระบวนการของกฎหมาย แต่ไม่อยากให้ไปถึงจุดนั้น เพราะเป็นองค์กรของรัฐด้วยกันทั้งคู่” ดร.ก้องศักดระบุ

⦁โขก22ล.4แมตช์ท้ายจบที่ฟรีแต่ต้องตอบแทน
เมื่อการแข่งขันรันไปจนถึง 4 แมตช์สุดท้าย กลับมีหนังสือจาก “กกท.” ที่อ้างว่าได้ประสานไปยัง “กลุ่มทรู” ในการถ่ายทอดสดเรียบร้อยแล้ว ซึ่งไม่ขัดข้อง แต่เรียกเก็บเงินจำนวน 22 ล้านบาท จากผู้ให้บริการไอพีทีวี ที่ต้องการถ่ายทอดสดการแข่งขันหลุดออกมา แต่ก็ไร้วี่แววคนสนใจ

จนถึง 2 แมตช์สุดท้าย “กลุ่มทรู” ได้มีหนังสือถึงสื่อมวลชนว่า ยินดีให้ผู้ให้บริการไอพีทีวี ถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโลกได้ แบบไม่มีข้อจำกัดและไม่มีการเรียกเก็บค่าตอบแทน แต่ทิ้งวรรคทองไว้ว่า ผู้ให้บริการไอพีทีวีที่ได้ถ่ายทอดสดการแข่งขันครั้งนี้ ต้องยินดีที่จะให้ความร่วมมือต่างตอบแทนกับกลุ่มทรูในอนาคตเช่นกัน

ซึ่งนายไตรรัตน์กล่าวว่า ส่วนตัวไม่ทราบรายละเอียดของกฎหมาย แต่มองว่า เมื่อกลุ่มทรูซึ่งเป็นผู้ยื่นฟ้องยินยอมให้ถ่ายทอดสดการแข่งขันได้ก็ต้องดำเนินการ ถือเป็นการทำตามกฎมัสต์แครี่ด้วยจึงมองว่าไม่น่าจะมีปัญหา

เช่นเดียวกับแหล่งข่าวจาก บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ที่ระบุว่า ผู้ให้บริการไอพีทีวีเพียงส่งหนังสือแจ้งความจำนงมายังกลุ่มทรู จากนั้นจะได้รับหนังสือตอบกลับและสามารถถ่ายทอดสดการแข่งขันได้ โดยไม่ต้องรอให้ศาลทรัพย์สินทางปัญญาฯ มีคำสั่งยกเลิกคำสั่ง เพราะอยู่ภายใต้กฎหมายลิขสิทธิ์ ไม่ใช่กฎมัสต์แครี่

สุดท้าย “เอไอเอส เพลย์บ็อกซ์” ไม่ฝืน ปฏิเสธการถ่ายทอดสด และทำหนังสือสอบถามไปยัง กลุ่มทรู และ กกท. เพื่อขอให้ยืนยันเจตนาที่ชัดเจน แต่จนจบการแข่งขันก็ยังไม่ได้รับคำตอบ มีเพียงศาลทรัพย์สินทางปัญญาฯ มีคำสั่งยกคำร้อง

ด้วยเหตุผลว่า การที่ “เอไอเอส เพลย์บ็อกซ์” แจ้งว่า ได้รับหนังสือจาก กกท. ว่าได้ประสานไปยัง กลุ่มทรู แล้วไม่ขัดข้องนั้น ไม่ใช่พยานหลักฐานที่เป็นหนังสือยินยอมจากกลุ่มทรู หรืออาจกล่าวได้ว่า ศาลทรัพย์สินทางปัญญาฯ ไม่อนุญาตให้ “เอไอเอส เพลย์บ็อกซ์” ถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโลกได้ เนื่องจาก “กลุ่มทรู” ยังไม่มีหนังสือยินยอม

⦁มัสต์แครี่ ทบทวน หรือถอดทิ้ง
หากยกกรณีถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโลก เทียบการถ่ายทอดสดกีฬาโอลิมปิกโตเกียว 2020 ที่ “เอไอเอส” ได้รับสิทธิ์ Official Broadcaster แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย เปิดให้ผู้ให้บริการไอพีทีวี อาทิ ทรีบรอดแบนด์ และเอ็นที รวมถึง “ทรูวิชั่นส์” ซึ่งเป็นเคเบิลทีวี สามารถรับชมได้ตามปกติ แต่ยกเว้น “กล่องทรูไอที” เพราะเป็นผู้ให้บริการโอทีที ซึ่งไม่ได้รับใบอนุญาตจาก สำนักงาน กสทช. จึงไม่อยู่ภายใต้กฎมัสต์แครี่ จึงไม่ได้จ่ายเงินสมทบเข้ากองทุน กทปส. เหมือนผู้ให้บริการรายอื่นๆ

ศาสตราจารย์คลินิก นพ.สรณระบุว่า หลังจบการแข่งขันต้องมีการทบทวนกฎมัสต์แครี่ เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ตอนนี้เร็วเกินไปที่จะพูดว่ายกเลิก

คงต้องตามกันต่อว่า ใต้กฎหมายลิขสิทธิ์ และกฎมัสต์แครี่ ที่คนละเรื่องเดียวกันนี้จะจบอย่างไร!!

Football Sponsored
ฟุตบอล

ฟุตบอลเป็นกีฬาที่นิยมเล่นมากที่สุดในประเทศไทย โดยเริ่มเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2440 และฟุตบอลทีมชาติไทยได้ร่วมเป็นสมาชิกฟีฟ่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2468 นับว่าเป็นประเทศแรกของโซนเอเชียที่เป็นสมาชิกฟีฟ่า แต่เป็นทีมที่ในอดีตไม่ประสบความสำเร็จในระดับไหนเลย แต่ได้เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพเอเชียนคัพ 2007 ในอดีตประเทศไทยไม่ค่อยสนับสนุนนักฟุตบอลอาชีพนัก นักเตะจึงนิยมไปค้าแข้งกับประเทศอื่นที่มีการสนับสนุนดีกว่า แต่หลังจากปี พ.ศ. 2552 ฟุตบอลอาชีพไทยเริ่มตื่นตัว เนื่องจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียตั้งกฎข้อบังคับให้แต่ละสโมสรจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่มีสโมสรองค์กร รัฐวิสาหกิจ ปรับตัวไม่ได้ จึงต้องมีการยุบทีมทิ้ง หรือขายทีมไป หลังจากไทยพรีเมียร์ลีก 2552 เริ่มขึ้น แฟนบอลเริ่มเข้ามาชมเกมส์ในสนามมากขึ้น เงินเดือนนักเตะสูงขึ้น การจัดการของแต่ละสโมสรดีขึ้น ลีกไทยค่อย ๆ พัฒนาเป็นระดับ ส่งผลทำให้นักฟุตบอลที่เคยไปค้าแข้งต่างแดนกลับมายังประเทศไทย เนื่องจากค่าตอบแทนไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ผลงานทีมชาติกลับสวนทางเพราะว่าต้องใช้เวลาปรับตัว เนื่องจากยุคที่ลีกบ้านเรายังไม่เจริญนักฟุตบอลมีเวลาเตรียมทีมเยอะ แต่ปัจจุบันแทบจะไม่ค่อยมีเวลาเพราะสโมสรเรียกเก็บตัวซ้อมเพื่อการแข่งขัน นักเตะจึงต้องใช้เวลาปรับตัว แต่ถือว่าฟุตบอลของประเทศไทยพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพราะหลังจากนั้นเพียง 2 ปี แฟนบอลหันมาเชียร์ทีมในจังหวัดตัวเองมากขึ้น ทีมกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ส่งผลทำให้เกิดท้องถิ่นนิยม จึงเป็นที่มาที่แฟนบอลไทยเข้าไปชมเกมฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 และดิวิชั่น 2 มากขึ้นนั่นเอง

This website uses cookies.