ทรงอย่างแบด! เนย์มาร์ ไม่ปลื้มสั่ง ริชาร์ลิซอน ลบรอยสักใบหน้าตน
เนย์มาร์ กองหน้าทีมชาติบราซิล จัดการส่งเงินจำนวน 30,000 ยูโร (ราว 1.26 ล้านบาท) ให้กับ ริชาร์ลิซอน หัวหอกเพื่อนร่วมชาติ เพื่อให้เอาไปใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการลบรอยสักที่เป็นใบหน้าของเขาออกจากแผ่นหลัง
ริชาร์ลิซอน ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมกับทัพ “เซเลเซา” ในศึกฟุตบอลโลก 2022 ที่ประเทศกาตาร์ แต่น่าเสียดายที่ บราซิล ไปไม่ถึงฝั่งฝันเมื่อต้องโบกมือลาประเทศกาตาร์ เพียงแค่รอบก่อนรองชนะเลิศเท่านั้น
หัวหอกวัย 25 ปีซึ่งซัดไป 3 ประตูในศึกเวิลด์ คัพ ฉบับตะวันออกกลาง สร้างความฮือฮาอย่างมากเมื่อเขายอมสละแผ่นหลังสักใบหน้า เนย์มาร์กับโรนัลโด้ (R9) ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งประสบการณ์ พร้อมกับใบของตัวเองด้วย
อย่างไรก็ตามการกระทำดังกล่าวทำให้ เนย์มาร์ ไม่ค่อยปลาบปลื้มเท่าไหร่ และตัดสินใจโอนเงินจำนวน 30,000 ยูโรเพื่อให้ สตาร์ “ไก่เดือยทอง” ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ไปลบรอยสักใบหน้าของเขาออกจากแผ่นหลัง
ที่มาของภาพ : gettyimages.ae
ฟุตบอลฟุตบอลเป็นกีฬาที่นิยมเล่นมากที่สุดในประเทศไทย โดยเริ่มเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2440 และฟุตบอลทีมชาติไทยได้ร่วมเป็นสมาชิกฟีฟ่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2468 นับว่าเป็นประเทศแรกของโซนเอเชียที่เป็นสมาชิกฟีฟ่า แต่เป็นทีมที่ในอดีตไม่ประสบความสำเร็จในระดับไหนเลย แต่ได้เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพเอเชียนคัพ 2007 ในอดีตประเทศไทยไม่ค่อยสนับสนุนนักฟุตบอลอาชีพนัก นักเตะจึงนิยมไปค้าแข้งกับประเทศอื่นที่มีการสนับสนุนดีกว่า แต่หลังจากปี พ.ศ. 2552 ฟุตบอลอาชีพไทยเริ่มตื่นตัว เนื่องจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียตั้งกฎข้อบังคับให้แต่ละสโมสรจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่มีสโมสรองค์กร รัฐวิสาหกิจ ปรับตัวไม่ได้ จึงต้องมีการยุบทีมทิ้ง หรือขายทีมไป หลังจากไทยพรีเมียร์ลีก 2552 เริ่มขึ้น แฟนบอลเริ่มเข้ามาชมเกมส์ในสนามมากขึ้น เงินเดือนนักเตะสูงขึ้น การจัดการของแต่ละสโมสรดีขึ้น ลีกไทยค่อย ๆ พัฒนาเป็นระดับ ส่งผลทำให้นักฟุตบอลที่เคยไปค้าแข้งต่างแดนกลับมายังประเทศไทย เนื่องจากค่าตอบแทนไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ผลงานทีมชาติกลับสวนทางเพราะว่าต้องใช้เวลาปรับตัว เนื่องจากยุคที่ลีกบ้านเรายังไม่เจริญนักฟุตบอลมีเวลาเตรียมทีมเยอะ แต่ปัจจุบันแทบจะไม่ค่อยมีเวลาเพราะสโมสรเรียกเก็บตัวซ้อมเพื่อการแข่งขัน นักเตะจึงต้องใช้เวลาปรับตัว แต่ถือว่าฟุตบอลของประเทศไทยพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพราะหลังจากนั้นเพียง 2 ปี แฟนบอลหันมาเชียร์ทีมในจังหวัดตัวเองมากขึ้น ทีมกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ส่งผลทำให้เกิดท้องถิ่นนิยม จึงเป็นที่มาที่แฟนบอลไทยเข้าไปชมเกมฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 และดิวิชั่น 2 มากขึ้นนั่นเอง
This website uses cookies.