เปิดฉากบรรเลงเพลง “ศึกฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย 2022” ที่ประเทศกาตาร์ อย่างเป็นทางการ ภายใต้ปัญหาสารพัดที่เกิดขึ้นกับประเทศไทย โดยเฉพาะเรื่องลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดที่กว่าจะฟันธงให้สมหวังอารมณ์หมายก็เหลืออีก 2 วันสุดท้ายก่อนจะเริ่มบอลโลก
ซึ่งต้องยอมรับว่างานนี้จะเรียกว่า “เฉียดฉิว” ก็ว่าได้ เพราะเป็นชาติสุดท้ายที่ได้รับลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกในครั้งนี้
ทั้งนี้ประเทศไทยได้ดูฟุตบอลโลกครบทุกแมตช์ แบบ “ฟรี” มาตลอด ตั้งแต่ปี 1990 จนถึงปี 2018 ในขณะที่ประเทศอื่น ถ้าอยากดูครบทั้งทัวร์นาเมนต์ ต้องจ่ายเงินแพ็คเกจพิเศษ!!!
และในการแข่งขันครั้งนี้ก็เช่นเดียวกันคนไทยต้องได้ชมฟรีแบบไม่เสียเงิน ซึ่งทาง “สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง และกิจการโทรทัศน์ กิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ” (กสทช.) ได้ออกกฎหนึ่งฉบับ ชื่อ “Must Have” ระบุว่า ถ้าเป็น 7 ทัวร์นาเมนต์กีฬา ระดับโลก เช่น ซีเกมส์, เอเชียนเกมส์, โอลิมปิก และ ฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย “คนไทยต้องได้ดูฟรีแบบไม่เสียเงินเท่านั้น” โดยกสทช. มีความพยายามปกป้องผู้บริโภคให้ได้ดูคอนเทนต์ที่สำคัญ โดยไม่ต้องควักเนื้อตัวเอง
แต่มาครั้งนี้ความตั้งใจของกสทช.กับการออกกฎ “Must Have” กลายเป็นปัญหาที่กลับมาสร้างความหนักใจให้กับช่องเคเบิ้ลต่างๆ ที่เป็นเจ้าใหญ่ที่ซื้อลิขสิทธิ์กีฬาเป็นประจำ เช่น True Visions (พรีเมียร์ลีก, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก) และ AIS Play (โอลิมปิก, ไทยลีก) ตัดสินใจไม่เข้ามาร่วมประมูลซื้อลิขสิทธิ์ด้วย เพราะถ้าซื้อมา ก็ต้องโดนบังคับต้องได้ดูฟรีผ่านทางฟรีทีวี ไม่สามารถขายแพ็กเกจเพื่อทำกำไรจากลูกค้าได้
และอีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญ “บ. อินฟรอนท์” รับหน้าที่ขายลิขสิทธิ์ฟุตบอลโลกจากฟีฟ่า ตั้งราคาขาย ลิขสิทธิ์ฟุตบอลโลกให้ประเทศไทย 1,360 ล้านบาท (38 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ) และถ้ารวมภาษีอีก 240 ล้านบาท เท่ากับต้องกำเงิน 1,600 ล้านบาท ถึงจะซื้อลิขสิทธิ์ฟุตบอลโลกครั้งนี้ได้ ซึ่งเป็นตัวเลขมหาศาลมาก
ถ้าเป็นในช่วงเศรษฐกิจดีๆ เชื่อว่าเงิน 1,600 ล้านบาท ไม่ได้สูงเกินความสามารถของนักธุรกิจไทย แต่ปีนี้เศรษฐกิจไทยเพิ่งกำลังฟื้นตัว หลังจากที่โดนพิษโควิด-19 เล่นงานมา 2 ปีเต็มๆ
การที่จะลงขันควักเงินจ่ายค่าลิขสิทธิ์ฟุตบอลโลกครั้งนี้ ดูจะเป็นเรื่องยาก กับทัวร์นาเมนต์ที่แข่งขันแค่ 1 เดือนเท่านั้น!!!
ดังนั้นการที่ไม่มีเอกชนรายใดยอมที่จะควักเงินจ่ายค่าลิขสิทธิ์ฟุตบอลโลกครั้งนี้ ทำให้ภาครัฐต้องลงมาแก้ปัญหา เพราะไม่เช่นนั้น “ประเทศไทยจะไม่ได้ดูบอลโลก เป็นครั้งแรกในรอบ 32 ปี”
งานนี้ตกมาเป็นหน้าที่ของ “การกีฬาแห่งประเทศไทย” หรือ กกท. ทำหน้าที่ในการหาเงิน 1,600 ล้านบาท ไปจ่ายค่าลิขสิทธิ์ฟุตบอลโลกครั้งนี้!!!
ซึ่งกกท.ได้ขอให้ทางกสทช. ซึ่งมี “กองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ” หรือ “กทปส.” โดยมีงบประมาณสำหรับซื้อลิขสิทธิ์ต่างๆ ถ้าเห็นว่าเป็นประโยชน์ต่อสังคมส่วนรวม โดยกกท. บอกว่า “ฟุตบอลโลกเป็นอีเวนต์สำคัญ ถ้ามีถ่ายทอดสด จะเป็นแรงบันดาลใจให้เยาวชน ใส่ใจเรื่องกีฬาอย่างมหาศาล นอกจากนั้นยังเป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างดี”
ผลสรุปบอร์ด กสทช. อนุมัติให้เอางบจาก กทปส. ไปซื้อลิขสิทธิ์ฟุตบอลโลกได้ แต่ยอมจ่าย 600 ล้านบาทเท่านั้น ที่เหลืออีก 1,000 ล้านบาทที่ขาดไป ทางกกท. ก็ต้องไปจัดการหาเงินเอาเอง!!!
กลายเป็น “เผือกร้อน” ให้ทางกกท.ต้องวิ่งหาเงินอีก 1,000 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่หนักหนาสาหัสอย่างมาก กับเงินจำนวนมหาศาล เมื่อเทียบกับเวลาในการหาเพียงไม่ถึง 1 สัปดาห์
ประกอบกับที่ “ธนวรรธน์ พลวิชัย” อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยและประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายในช่วงการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 คาดว่าหากมีการถ่ายทอดสดจะมีเงินสะพัดราว 75,815 ล้านบาท
แต่สุดท้ายก็เหมือนมีแสงสว่างสาดส่องมายังคนไทย เมื่อ “นายก้องศักด ยอดมณี” ผู้ว่ากกท. บอกว่า “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” ประธานบอร์ดกกท. เป็นคนกลางในการเจรจากับสปอนเซอร์ จนมีผู้สนับสนุนเข้ามาช่วยประกอบด้วย True, ปตท. และ ไทยเบฟฯ ไม่นับรวมกับผู้สนับสนุนรายย่อย ๆ อีก จำนวนหนึ่ง รวมเงินลงขันเกือบ 700 ล้านบาท เท่ากับว่า กกท.มีเงินจากกสทช.600 ล้านบาท และเงินจากผู้สนับสนุน 700 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 1,300 ล้านบาทไปซื้อลิขสิทธิ์ฟุตบอลโลก
คนไทยสมหวังได้ดูฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายสมใจ!!!
เรื่องน่าจะจบ!แต่ก็มีดราม่าเรื่องการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายกับจำนวน 64 แมตช์ ที่มีสถานีโทรทัศน์จำนวนมากขอมีส่วนร่วมเพราะการได้ถ่ายฟุตบอลโลก หมายถึง “เรตติ้ง” ที่จะเข้ามา ซึ่งกกท. จัดสรร ให้ถ่ายลง True4U จำนวน 32 คู่ ส่วนอีก 32 คู่ จะกระจายแบ่งกันให้ อีก 17 ช่องที่เหลือ โดย “ก้องศักด” ผู้ว่าการกกท. อธิบายว่าที่ต้องแบ่งแบบนี้ เพราะ True เป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนในการซื้อลิขสิทธิ์ฟุตบอลโลก โดยจ่ายเงินมากถึง 300 ล้านบาท ดังนั้นจึงได้สิทธิ์การเลือกคู่ และได้จำนวนที่มากกว่าสถานีช่องอื่นๆ
ทำให้ “สมาคมทีวีดิจิทัล” ออกมาร้องเรียนให้ช่องทีวีดิจิทัล 17 ช่อง ต้องร่วมถ่ายทอดสด เพราะมีสิทธิ์จากเงินกองทุน 600 ล้านบาท ของกทปส. จึงไม่เห็นชอบที่ให้ True ได้ถ่ายผ่าน True4U มากถึง 32 แมตช์ แถมได้เลือกคู่ที่ตัวเองต้องการอีกด้วย
ทางกสทช.ซึ่งเป็นผู้อนุมัติเงิน 600 ล้านบาท จากกองทุนกทสป.ต้องวิ่งไปทำความเข้าใจกับกกท.ใหม่ ซึ่ง “นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล” รักษาการแทนเลขาธิการ กสทช. บอกว่า จากการหารือร่วมกับตัวแทนของ กกท. ได้มีข้อสรุปร่วมกันในการขอความร่วมมือจากทรูฯให้คืนโควต้าถ่ายทอดสด ฟุตบอลโลก 2022 รอบสุดท้าย จำนวน 16 แมตช์ กลับมาให้ กกท. นำมาจัดสรรให้กับทีวีดิจิทัลถ่ายทอดสดแบบคู่ขนาน
เชื่อว่าเรื่องดราม่า “ฟุตบอลโลก” ครั้งนี้จะยังไม่จบง่ายๆ อย่างไรก็ตามขอให้ “คนไทยมีความสุข” กับฟุตบอลโลกครั้งนี้!!!!
This website uses cookies.