Football Sponsored

พรีวิว ฟุตบอลโลก กลุ่มอี : กลุ่มแห่งความตาย ณ กาตาร์

Football Sponsored
Football Sponsored

พรีวิว ฟุตบอลโลก กลุ่มอี : กลุ่มแห่งความตาย ณ กาตาร์

แค่เปิดหัวด้วยคำว่า “กลุ่มแห่งความตาย” ก็น่าจะพออธิบายความสนุกของกลุ่มนี้ได้แล้ว เพราะกลุ่มนี้บอกเลยว่าทันกันทุกทีม และประมาทใครไม่ได้เลย

เริ่มที่ “อินทรีเหล็ก” เยอรมนี ที่กลับมาพร้อมกับทีมยุคใหม่ ภายใต้การนำทีมของฮานซี่ ฟลิก ที่ต้องการกลับมากู้หน้าหลังจากที่เมื่อ 4 ปีก่อนโดนอาถรรพ์แชมป์เก่าตกรอบแรกไปอย่างรวดเร็ว

พวกเขากลายเป็นทีมแรกของโลกที่คว้าตั๋วมากาตาร์ได้จากผลงานอันยอดเยี่ยมในรอบคัดเลือก แม้จะมีพ่ายนอร์ธมาซิโดเนียคาบ้านไปเกมหนึ่ง แต่ที่เหลือก็เก็บชัยชนะได้ทั้งหมด

อินทรีเหล็กไม่ว่าอยู่ในยุคไหนก็คือทีมที่เล่นด้วยระบบ ไม่มีนักเตะคนไหนเป็นสตาร์ แต่ทุกคนพร้อมทำงานร่วมกันเป็นทีม ซึ่งแม้จะเปลี่ยนถ่ายมาเป็นยุคของฟลิก ทรงบอลนี้ก็ยังไม่เปลี่ยนแปลงไป

และชุดนี้ยังเป็นการผสมผสานของผู้เล่นยุคเก่า-ใหม่ ได้อย่างลงตัว ทั้ง มานูเอล นอยเออร์, โยชัว คิมมิช, โธมัส มุลเลอร์ ประสานงานกับ จามาล มูเซียล่า หรือไค ฮาเวิร์ตซ์ แค่นี้ก็น่าดูแล้ว

ในขณะที่ “กระทิงดุ” สเปน อดีตแชมป์เมื่อปี 2010 ที่ยังไม่สามารถกลับไปสู่จุดเดิมได้อีกเลยหลังจากผ่านยุคที่ดีที่สุดของบิเซนเต้ เดล บอสเก้ ไป

แต่ทีมสเปนยุคใหม่ภายใต้การนำทีมของ หลุยส์ เอ็นริเก้ ก็มีทิศทางที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เพราะในฟุตบอลยูโร 2020 ที่ผ่านมาก็สามารถทะลุไปถึงรอบตัดเชือกได้

สิ่งหนึ่งที่เอ็นริเก้เปลี่ยนแปลงในทีมชาติสเปนชุดนี้เลย คือการไม่สนนักเตะหน้าอินทร์หน้าพรหม ไม่ว่าจะเป็นตัวเก๋าจากไหน แต่ถ้าไม่เข้ากับรูปแบบทีมก็พร้อมโดนตัดออกได้ เหมือนที่ผ่านมาเคยเมินเซร์คิโอ รามอส หรืออย่างล่าสุดการตัดชื่อดาบิด เด เคอา ออกจาก 55 คนสุดท้ายไปแล้ว

นอกจากนี้ยังพยายามทำทีมโดยไม่มีสตาร์ คนเดียวที่เป็นใหญ่ในทีมนี้ก็คือตัวเองเท่านั้น เพื่อคุมห้องแต่งตัวให้อยู่หมัด จึงทำให้ทีมชุดนี้ไม่มีสตาร์เด่นแบบชัดเจน

ส่วนทีมที่น่าจับตามองอีกครั้งหนึ่งก็คือ คอสตาริกา ที่นับเป็นหนที่ 2 แล้วที่พวกเขาต้องจับมาอยู่ในกลุ่มที่ถูกยกให้เป็นกรุ๊ปออฟเดธ หลังเคยอยู่กับทั้ง อังกฤษ, อิตาลี และอุรุกวัย เมื่อปี 2014 แต่ครั้งนั้นพวกเขาหักปากกาเซียน ผ่านเข้าสู่รอบสองได้สำเร็จ

แม้ว่าในรอบคัดเลือกอาจจะต้องเหนื่อยเพราะต้องไปเพลย์ออฟกับนิวซีแลนด์ แต่เมื่อมาถึงรอบสุดท้าย พวกเขาก็พร้อมจะกลายร่างเป็นม้ามืดแห่งทัวร์นาเมนต์อีกครั้ง

ปัญหาเดียวของพวกเขาก็คือด้วยอายุอานามของผู้เล่นตัวหลักที่เกินหลัก 3 แล้ว ไม่ว่าจะเป็น เคย์เลอร์ นาวาส, ไบรอัน รุยซ์ หรือโจเอล แคมป์เบลล์ ถ้ามาเจอกับพวกที่วิ่งเพรสซิ่งหนักๆ ทั้งสเปน, เยอรมนี หรือญี่ปุ่นด้วย จะเอาตัวรอดได้หรือไม่

แต่อย่างว่า เมื่อใดที่คอสตาริกาเข้ามาถึงตรงนี้แล้ว คงไม่มีใครประมาทพวกเขาแน่นอน

และทีมน้องเล็กแต่ใจไม่เล็กของกลุ่มนี้ก็คือ “ซามูไรบลู” ญี่ปุ่น ตัวแทนขาประจำจากเอเชีย ที่ไม่เคยตกขบวนเลยหลังจากที่ได้ผ่านมารอบสุดท้ายครั้งแรกเมื่อปี 1998

แต่การมาครั้งนี้คงต้องบอกว่าพวกเขาเหนื่อยมากกว่าจะคว้าโควต้าอัตโนมัติมาครองได้ เพราะจากการที่ออกสตาร์ตไม่ดี ทำให้ต้องมาไล่ตาม ยังดีที่ชนะออสเตรเลียในนัดรองสุดท้าย จึงปาดหน้าเข้ารอบสุดท้ายมาได้ก่อน

นอกจากนี้ปัญหาของพวกเขาคือแท็คติกของฮาจิเมะ โมริยาสุ ที่ถูกมองว่ายังไม่ดีเท่าไหร่ เกมรุกต้องพึ่งพาความสามารถส่วนตัวนักเตะมากเกินไป

ในกลุ่มนี้ทั้งเยอรมนี และสเปน มีความคล้ายคลึงกันมากคือเป็นบอลสมัยใหม่เน้นระบบ ไม่เน้นสตาร์ และด้วยความที่เป็นนักเตะรุ่นใหม่ เรื่องพละกำลังคงดีกว่าคอสตาริกาแน่นอน

แต่ขึ้นชื่อเรื่องความเป็นกลุ่มแห่งความตายแล้ว ทั้งสองทีมคงจะประมาทใครไม่ได้แน่นอน

โปรแกรมกลุ่มอี
23 พฤศจิกายน เยอรมนี พบ ญี่ปุ่น
23 พฤศจิกายน สเปน พบ คอสตาริกา
27 พฤศจิกายน ญี่ปุ่น พบ คอสตาริกา
27 พฤศจิกายน สเปน พบ เยอรมนี
1 ธันวาคม ญี่ปุ่น พบ สเปน
1 ธันวาคม คอสตาริกา พบ เยอรมนี

Football Sponsored
ฟุตบอล

ฟุตบอลเป็นกีฬาที่นิยมเล่นมากที่สุดในประเทศไทย โดยเริ่มเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2440 และฟุตบอลทีมชาติไทยได้ร่วมเป็นสมาชิกฟีฟ่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2468 นับว่าเป็นประเทศแรกของโซนเอเชียที่เป็นสมาชิกฟีฟ่า แต่เป็นทีมที่ในอดีตไม่ประสบความสำเร็จในระดับไหนเลย แต่ได้เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพเอเชียนคัพ 2007 ในอดีตประเทศไทยไม่ค่อยสนับสนุนนักฟุตบอลอาชีพนัก นักเตะจึงนิยมไปค้าแข้งกับประเทศอื่นที่มีการสนับสนุนดีกว่า แต่หลังจากปี พ.ศ. 2552 ฟุตบอลอาชีพไทยเริ่มตื่นตัว เนื่องจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียตั้งกฎข้อบังคับให้แต่ละสโมสรจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่มีสโมสรองค์กร รัฐวิสาหกิจ ปรับตัวไม่ได้ จึงต้องมีการยุบทีมทิ้ง หรือขายทีมไป หลังจากไทยพรีเมียร์ลีก 2552 เริ่มขึ้น แฟนบอลเริ่มเข้ามาชมเกมส์ในสนามมากขึ้น เงินเดือนนักเตะสูงขึ้น การจัดการของแต่ละสโมสรดีขึ้น ลีกไทยค่อย ๆ พัฒนาเป็นระดับ ส่งผลทำให้นักฟุตบอลที่เคยไปค้าแข้งต่างแดนกลับมายังประเทศไทย เนื่องจากค่าตอบแทนไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ผลงานทีมชาติกลับสวนทางเพราะว่าต้องใช้เวลาปรับตัว เนื่องจากยุคที่ลีกบ้านเรายังไม่เจริญนักฟุตบอลมีเวลาเตรียมทีมเยอะ แต่ปัจจุบันแทบจะไม่ค่อยมีเวลาเพราะสโมสรเรียกเก็บตัวซ้อมเพื่อการแข่งขัน นักเตะจึงต้องใช้เวลาปรับตัว แต่ถือว่าฟุตบอลของประเทศไทยพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพราะหลังจากนั้นเพียง 2 ปี แฟนบอลหันมาเชียร์ทีมในจังหวัดตัวเองมากขึ้น ทีมกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ส่งผลทำให้เกิดท้องถิ่นนิยม จึงเป็นที่มาที่แฟนบอลไทยเข้าไปชมเกมฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 และดิวิชั่น 2 มากขึ้นนั่นเอง

This website uses cookies.