Football Sponsored

น่องเหล็กไทยคว้าตั๋วปั่นชิงแชมป์โลกเพิ่ม2ที่นั่ง – Siamsport

Football Sponsored
Football Sponsored

“เสธ.หมึก” พลเอกเดชา เหมกระศรี นายกสมาคมกีฬาจักรยานฯเผย สหพันธ์จักรยานนานาชาติ (ยูซีไอ) ประกาศโควตานักปั่นทั่วโลกที่มีสิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขันจักรยานชิงแชมป์โลก UCI Road Cycling 2022 ที่จะมีขึ้นที่เมืองวูลองกอง ประเทศออสเตรเลีย ระหว่างวันที่ 18-25 กันยายน ผลปรากฏว่านักปั่นไทยได้โควตาถึง 2 ที่นั่งในรุ่นประชาชนชาย ได้แก่ สิบโท สราวุฒิ สิริรณชัย และ พันจ่าอากาศเอก พีระพล ชาวเชียงขวาง หลังจากที่การแข่งขันจักรยานชิงแชมป์โลก 2021 “เจ้าวุฒิ” สราวุฒิ สิริรณชัย เคยได้สิทธิ์เข้าร่วมแข่งขันครั้งแรกมาแล้ว

สำหรับการไปแข่งขันจักรยานประเภทถนนชิงแชมป์โลก จะส่งแข่งขันในรุ่นประชาชนชาย ประชาชนหญิง และเยาวชนชาย โดยในรุ่นประชาชนชาย ที่แน่นอนแล้วก็คือ “วุฒิ” สิบโท สราวุฒิ สิริรณชัย กับ “มะตูม” พันจ่าอากาศเอก พีระพล ชาวเชียงขวาง

ส่วนในรุ่นประชาชนหญิง มี 2 คน ได้แก่ “แพร” สิบตรีหญิง เพชรดารินทร์ สมราช กับ “แม้ว” สิบตรีหญิง ชนิภรณ์ บัตริยะ และรุ่นเยาวชนชาย “อุลตร้า” ติณพัฒน์ เมืองเดช กับ “ดีดี้” ณัฐวัฒน์ มังกรวงศ์ ลงแข่งขัน

“เสธ.หมึก” กล่าวต่อไปว่า จักรยานประเภทถนน จะใช้ระบบคะแนนสะสมจักรยานโลกเป็นฐานทั้งในการคัดเลือกโควตานักปั่นเข้าร่วมการแข่งขันจักรยานชิงแชมป์โลกและจักรยานในโอลิมปิกเกมส์ ซึ่งในการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ 2024 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ทาง ยูซีไอ กำหนดว่าห้วงเวลาการคัดเลือก “ปารีสเกมส์” ในประเภทถนนจะเริ่มเก็บคะแนนสะสมตั้งแต่เดือนกันยายนนี้ ไปจนถึงเดือนตุลาคม 2566

นอกเหนือจากการใช้คะแนนสะสมจักรยานโลกดังกล่าวแล้ว การคัดเลือกนักปั่นเข้าสู้ศึกโอลิมปิกเกมส์ ยังจะใช้ผลงานของจักรยานประเภทถนนชิงแชมป์โลก และชิงแชมป์ทวีปในปี 2023 ซึ่งชิงแชมป์โลกจะจัดขึ้นที่เมืองกลาสโกว์ ประเทศสกอตแลนด์ ซึ่งนักปั่นไทยยังคงมีงานหนักที่จะต้องเก็บคะแนนสะสมให้เพียงพอจากการแข่งขันจักรยานประเภทถนนระดับอาชีพทั้งในภูมิภาคเอเชียและยุโรปที่จะได้โควตาทั้งชายและหญิงเพื่อเพิ่มโอกาสในการลุ้นโควตาโอลิมปิกเกมส์เป็นเป้าหมายสูงสุด พล.อ.เดชา กล่าว

Football Sponsored
ฟุตบอล

ฟุตบอลเป็นกีฬาที่นิยมเล่นมากที่สุดในประเทศไทย โดยเริ่มเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2440 และฟุตบอลทีมชาติไทยได้ร่วมเป็นสมาชิกฟีฟ่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2468 นับว่าเป็นประเทศแรกของโซนเอเชียที่เป็นสมาชิกฟีฟ่า แต่เป็นทีมที่ในอดีตไม่ประสบความสำเร็จในระดับไหนเลย แต่ได้เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพเอเชียนคัพ 2007 ในอดีตประเทศไทยไม่ค่อยสนับสนุนนักฟุตบอลอาชีพนัก นักเตะจึงนิยมไปค้าแข้งกับประเทศอื่นที่มีการสนับสนุนดีกว่า แต่หลังจากปี พ.ศ. 2552 ฟุตบอลอาชีพไทยเริ่มตื่นตัว เนื่องจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียตั้งกฎข้อบังคับให้แต่ละสโมสรจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่มีสโมสรองค์กร รัฐวิสาหกิจ ปรับตัวไม่ได้ จึงต้องมีการยุบทีมทิ้ง หรือขายทีมไป หลังจากไทยพรีเมียร์ลีก 2552 เริ่มขึ้น แฟนบอลเริ่มเข้ามาชมเกมส์ในสนามมากขึ้น เงินเดือนนักเตะสูงขึ้น การจัดการของแต่ละสโมสรดีขึ้น ลีกไทยค่อย ๆ พัฒนาเป็นระดับ ส่งผลทำให้นักฟุตบอลที่เคยไปค้าแข้งต่างแดนกลับมายังประเทศไทย เนื่องจากค่าตอบแทนไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ผลงานทีมชาติกลับสวนทางเพราะว่าต้องใช้เวลาปรับตัว เนื่องจากยุคที่ลีกบ้านเรายังไม่เจริญนักฟุตบอลมีเวลาเตรียมทีมเยอะ แต่ปัจจุบันแทบจะไม่ค่อยมีเวลาเพราะสโมสรเรียกเก็บตัวซ้อมเพื่อการแข่งขัน นักเตะจึงต้องใช้เวลาปรับตัว แต่ถือว่าฟุตบอลของประเทศไทยพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพราะหลังจากนั้นเพียง 2 ปี แฟนบอลหันมาเชียร์ทีมในจังหวัดตัวเองมากขึ้น ทีมกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ส่งผลทำให้เกิดท้องถิ่นนิยม จึงเป็นที่มาที่แฟนบอลไทยเข้าไปชมเกมฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 และดิวิชั่น 2 มากขึ้นนั่นเอง

This website uses cookies.