Football Sponsored

ต้อนรับอบอุ่น! ฮีโร่สอยคิวเดินทางกลับถึงไทยหลังเสร็จภารกิจชิงแชมป์ยช.โลก – Siamsport

Football Sponsored
Football Sponsored

จากความสำเร็จของทัพจอมคิวเยาวชนทีมชาติไทยชุดชิงแชมป์เยาวชนโลก ที่สามารถคว้ามาได้ 1 แชมป์โลก จาก “น้องมายด์ สากล”ปัณชญา จันทร์น้อย จอมคิวสาววัย 14 ปี เป็นแชมป์เยาวชนหญิงโลก รุ่น 21 ปี พร้อมด้วย อันดับ 3 ของโลก 2 คน คือ “พลอย ขอนแก่น”พลอยชมพู เหล่าเกียรติพงศ์ ที่ 3 เยาวชนโลกหญิง 21 ปี และ “นัท สระบุรี”ฐิติพงศ์ จุลศักดิ์ นักแม่นรูหนุ่ม คว้าอันดับ 3 รุ่นเยาวชนชายอายุไม่เกิน 18 ปี

โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ “บิ๊กฮง”สุนทร จารุมนต์ นายกสมาคมกีฬาบิลเลียดแห่งประเทศไทย สมัยที่ 2 ได้เดินทางไปรับฮีโร่สอยคิวรุ่นเล็กของไทย ซึ่งทัพสนุกเกอร์เยาวชนไทย เดินทางกลับจากประเทศโรมาเนีย โดยสายการบินกาตาร์ แอร์เวย์ เที่ยว QR 836 มาถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ในเวลา 13.10 น. ซึ่งมีบรรดาสื่อมวลชนจากหลายสำนักมาร่วมทำข่าวการรับฮีโร่สอยคิวไทยพร้อมด้วยผู้ปกครองของนักกีฬาที่มาต้อนรับจำนวนมาก

“บิ๊กฮง”นายกสอยคิวกล่าวว่า ขอแสดงความยินดีกับ มายด์ สากล ที่สามารถคว้าแชมป์โลกเยาวชนหญิงรุ่นอายุ 21 ปีได้อย่างยอดเยี่ยม พร้อมทั้งรางวัลอันดับ 3 ทั้ง พลอย ขอนแก่น และนัท สระบุรี รวมถึงนักกีฬาทุกคนที่ช่วยกันสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศชาติ ความสำเร็จในครั้งนี้ ทำให้ น้องมายด์ และพลอย ได้ติดทีมชาติชุดใหญ่เตรียมไปแข่งขันสนุกเกอร์ 6 แดงชิงแชมป์โลก ในระหว่างวันที่ 3-6 ตุลาคม 65 ที่ประเทศมาเลเซีย โดย ตนเชื่อว่านักกีฬาระดับเยาวชนของไทยยังมีคนเก่งอีกมาก และในอนาคตทางสมาคมจะส่งเสริมการแข่งขันสนุกเกอร์ระดับเยาวชนมากขึ้นเพื่อให้เป็นกำลังสำคัญของทีมชาติไทยต่อไป

ด้าน น้องมายด์ ฮีโร่แชมป์โลก เปิดเผยว่า นับว่าเป็นครั้งแรกที่หนูได้แข่งขันทีมชาติ รู้สึกภูมิใจมากตั้งแต่ติดทีมชาติ คิดอย่างเดียวต้องสู้ให้เต็มที่ ซึ่งไม่คิดว่าจะคว้าแชมป์ได้ เพราะคู่ชิงจากอินเดีย ตนเคยแพ้มาในรอบแรก โดยตนต้องขอขอบคุณโค้ช โหน่ง อาจารย์หรั่ง ที่ช่วยแนะนำจนสามารถชนะอินเดียได้ ซึ่งแชมป์นี้จะนำทางให้ตนไปสู่ฝันต่อไปคือการเล่นอาชีพโลก ต้องขอขอบคุณสมาคมกีฬาบิลเลียดแห่งประเทศไทย นายกฯสุนทร ที่ให้โอกาสตนได้รับใช้ชาติ และขอขอบคุณทุกคนที่ทำให้ตนมีวันนี้

Football Sponsored
ฟุตบอล

ฟุตบอลเป็นกีฬาที่นิยมเล่นมากที่สุดในประเทศไทย โดยเริ่มเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2440 และฟุตบอลทีมชาติไทยได้ร่วมเป็นสมาชิกฟีฟ่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2468 นับว่าเป็นประเทศแรกของโซนเอเชียที่เป็นสมาชิกฟีฟ่า แต่เป็นทีมที่ในอดีตไม่ประสบความสำเร็จในระดับไหนเลย แต่ได้เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพเอเชียนคัพ 2007 ในอดีตประเทศไทยไม่ค่อยสนับสนุนนักฟุตบอลอาชีพนัก นักเตะจึงนิยมไปค้าแข้งกับประเทศอื่นที่มีการสนับสนุนดีกว่า แต่หลังจากปี พ.ศ. 2552 ฟุตบอลอาชีพไทยเริ่มตื่นตัว เนื่องจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียตั้งกฎข้อบังคับให้แต่ละสโมสรจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่มีสโมสรองค์กร รัฐวิสาหกิจ ปรับตัวไม่ได้ จึงต้องมีการยุบทีมทิ้ง หรือขายทีมไป หลังจากไทยพรีเมียร์ลีก 2552 เริ่มขึ้น แฟนบอลเริ่มเข้ามาชมเกมส์ในสนามมากขึ้น เงินเดือนนักเตะสูงขึ้น การจัดการของแต่ละสโมสรดีขึ้น ลีกไทยค่อย ๆ พัฒนาเป็นระดับ ส่งผลทำให้นักฟุตบอลที่เคยไปค้าแข้งต่างแดนกลับมายังประเทศไทย เนื่องจากค่าตอบแทนไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ผลงานทีมชาติกลับสวนทางเพราะว่าต้องใช้เวลาปรับตัว เนื่องจากยุคที่ลีกบ้านเรายังไม่เจริญนักฟุตบอลมีเวลาเตรียมทีมเยอะ แต่ปัจจุบันแทบจะไม่ค่อยมีเวลาเพราะสโมสรเรียกเก็บตัวซ้อมเพื่อการแข่งขัน นักเตะจึงต้องใช้เวลาปรับตัว แต่ถือว่าฟุตบอลของประเทศไทยพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพราะหลังจากนั้นเพียง 2 ปี แฟนบอลหันมาเชียร์ทีมในจังหวัดตัวเองมากขึ้น ทีมกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ส่งผลทำให้เกิดท้องถิ่นนิยม จึงเป็นที่มาที่แฟนบอลไทยเข้าไปชมเกมฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 และดิวิชั่น 2 มากขึ้นนั่นเอง

This website uses cookies.