Football Sponsored

นักขี่ม้าไทยสร้างประวัติศาสตร์คว้าตั๋วลุยชิงแชมป์โลกครบทีม – Siamsport

Football Sponsored
Football Sponsored

นักขี่ม้าเอ็นดูแรนซ์ไทยสร้างประวัติศาสตร์ ควอลิฟายแข่ง ชิงแชมป์โลก เอ็นดูแรนซ์ ประเภททีมได้เป็นครั้งแรก หลังจากที่ หลังจากที่ “เสี่ยปั้น” พฤติรัตน์ รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ ควอลิฟายผ่านเป็นคนแรกในระดับ CEI*3 160 กม. เมื่อเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา ล่าสุด สองนักขี่ม้ามาราธอน “คุณผึ้ง”วิภาวรรณ พาวิทยลาภ และ วริศ คุณธาราภรณ์ ลงแข่งในระยะ 160 กม.ที่สโลวาเกีย คว้าอันดับ 5 และ 6 ส่งผลให้ไทยคว้าตั๋วลุยเวิลด์เกมส์ ครบทีมเป็นครั้งแรก

ความเคลื่อนไหวของทัพนักกีฬาขี่ม้าเอ็นดูแรนซ์ทีมชาติไทย นำโดย “คุณปั้น” พฤติรัตน์ รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ วิภาวรรณ พาวิทยลาภ และ วริศ คุณธาราภรณ์ 3 นักกีฬาขี่ม้าไทยที่เดินทางไปแข่งขันที่ยุโรป เพื่อควอลิฟายเข้าร่วมแข่งขัน ใน FEI WORLD ENDURANCE CHAMPIONSHIPS ระหว่างวันที่ 19-23 ต.ค.นี้ ที่ประเทศอิตาลี

ปรากฏว่า “คุณปั้น” พฤติรัตน์ รัตนกุล เป็นนักกีฬาคนแรกที่ควอลิฟายผ่านในการแข่งขัน CEI3 160 กม. ที่เมื่อมิถุนายนที่ผ่านมา และล่าสุดเมื่อวันที่ 13 ส.ค.ที่ผ่านมา นักนักขี่ม้ามาราธอน วิภาวรรณ และ วริศ ลงแข่งขันในรายการ CEI3 160 กม. ที่เมืองซาโมริน ประเทศสโลวาเกีย จบการแข่งขัน วิภาวรรณ ควบอาชาคู่ใจ” อัซซีซ่า เดอ ฟิญอลส์ ” มีแต้มเสีย 16,189 คะแนน รั้งอันดับ 5 และ วริศ กับม้า “เอสเซาอิรา เดอ มาดิโก” มีแต้มเสีย 16,188 คะแนนรั้งอันดับ 6 แต่ควอลิฟายผ่านคว้าตั๋วเข้าร่วมแข่งขันชิงแชมป์โลกได้ทั้งคู่ และเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของขี่ม้าไทยที่มีนักกีฬาเข้าร่วมแข่งขันชิงแชมป์โลกครบทีม

“คุณปั้น” พฤติรัตน์ รัตนกุล เปิดเผยว่า ดีใจที่ทีมไทยสามารถควอลิฟายไปเวิลด์เกมส์ได้ทั้งทีม การแข่งขันครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายแล้วเนื่องจากอายุ 65 ปีแล้ว “ก่อนหน้านี้ผมกับคุณผึ้งเราควอลิฟายแข่งรายการนี้มาได้แล้วปี 2013 ที่เช็คโกสโลวเกีย และในปี 2014 ก็ไดเข้าร่วมแข่งขันเวิลด์เกมส์ ที่ฝรั่งเศส ตอนนั้นไปแข่งเวิลด์ครั้งแรกมีเพียงแค่ 2 คน เลยคิดมาตลอดว่าหากเราได้ไปเต็มที่ทีมครบ 3 คน มีโอกาสติด 1 ใน 5 ของการแข่งขันอย่างแน่นอน และตอนนี้ก็ทำได้แล้วไปแข่งกันครบทีม และหากติด 1 ใน 5 ได้ถือว่าประสบความสำเร็จ” นายพฤติรัตน์ รัตนกุล กล่าว

Football Sponsored
ฟุตบอล

ฟุตบอลเป็นกีฬาที่นิยมเล่นมากที่สุดในประเทศไทย โดยเริ่มเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2440 และฟุตบอลทีมชาติไทยได้ร่วมเป็นสมาชิกฟีฟ่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2468 นับว่าเป็นประเทศแรกของโซนเอเชียที่เป็นสมาชิกฟีฟ่า แต่เป็นทีมที่ในอดีตไม่ประสบความสำเร็จในระดับไหนเลย แต่ได้เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพเอเชียนคัพ 2007 ในอดีตประเทศไทยไม่ค่อยสนับสนุนนักฟุตบอลอาชีพนัก นักเตะจึงนิยมไปค้าแข้งกับประเทศอื่นที่มีการสนับสนุนดีกว่า แต่หลังจากปี พ.ศ. 2552 ฟุตบอลอาชีพไทยเริ่มตื่นตัว เนื่องจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียตั้งกฎข้อบังคับให้แต่ละสโมสรจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่มีสโมสรองค์กร รัฐวิสาหกิจ ปรับตัวไม่ได้ จึงต้องมีการยุบทีมทิ้ง หรือขายทีมไป หลังจากไทยพรีเมียร์ลีก 2552 เริ่มขึ้น แฟนบอลเริ่มเข้ามาชมเกมส์ในสนามมากขึ้น เงินเดือนนักเตะสูงขึ้น การจัดการของแต่ละสโมสรดีขึ้น ลีกไทยค่อย ๆ พัฒนาเป็นระดับ ส่งผลทำให้นักฟุตบอลที่เคยไปค้าแข้งต่างแดนกลับมายังประเทศไทย เนื่องจากค่าตอบแทนไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ผลงานทีมชาติกลับสวนทางเพราะว่าต้องใช้เวลาปรับตัว เนื่องจากยุคที่ลีกบ้านเรายังไม่เจริญนักฟุตบอลมีเวลาเตรียมทีมเยอะ แต่ปัจจุบันแทบจะไม่ค่อยมีเวลาเพราะสโมสรเรียกเก็บตัวซ้อมเพื่อการแข่งขัน นักเตะจึงต้องใช้เวลาปรับตัว แต่ถือว่าฟุตบอลของประเทศไทยพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพราะหลังจากนั้นเพียง 2 ปี แฟนบอลหันมาเชียร์ทีมในจังหวัดตัวเองมากขึ้น ทีมกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ส่งผลทำให้เกิดท้องถิ่นนิยม จึงเป็นที่มาที่แฟนบอลไทยเข้าไปชมเกมฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 และดิวิชั่น 2 มากขึ้นนั่นเอง

This website uses cookies.