Football Sponsored

สบายใจได้! ‘ช้างศึก’ฉีดวัคซีนก่อนบินคัดบอลโลก

Football Sponsored
Football Sponsored

“ช้างศึก” สบายใจได้ เตรียมไหล่ให้พร้อม! “กกท.” ยัน ได้รับวัคซีนโควิด-19 ก่อนเดินทางไปแข่งขันคัดบอลโลกที่ยูเออีแน่นอน “ก้องศักด์” ชี้ อยู่ในเกณฑ์พิจารณาอยู่แล้ว

พฤหัสบดีที่ 18 มีนาคม 2564 เวลา 07.28 น.

หลังจาก สมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย (เอเอฟซี) เลือกประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) เป็นเจ้าภาพสนามกลางสำหรับการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย กลุ่ม G ซึ่งมี “ช้างศึก” ทีมฟุตบอลทีมชาติไทย อยู่ในกลุ่มด้วย ซึ่งทีมชาติไทย มีโปรแกรมแข่ง 3 มิ.ย. พบ อินโดนีเซีย, 7 มิ.ย. พบ ยูเออี และ 15 มิ.ย. พบ มาเลเซีย ขณะเดียวกัน ก่อนหน้านี้ “โจ” พาทิศ ศุภะพงษ์ เลขาธิการสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ระบุว่า คาดว่าทีมชาติไทย จะได้รับวัคซีนโควิด-19 ก่อนเดินทาง หลังจากนักกีฬาอื่นๆ มีคิวรับวัคซีนแล้ว แต่ต้องสอบถามภาครัฐ

ผู้สื่อข่าวสอบถาม “บิ๊กก้อง” ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ถึงโอกาสที่นักฟุตบอลทีมชาติไทยจะได้รับวัคซีนป้องกันเชื้อโควิด-19 ก่อนเดินทางไปแข่งขัน ได้รับคำตอบว่า ตอนนี้ทุกสมาคมฯ มีสิทธิที่จะขอรับวัคซีนได้หมด ซึ่ง กกท.ได้ประสานงานกับแต่ละสมาคมฯ ให้ส่งโปรแกรมการแข่งขันเข้ามา เพื่อจะประสานกับกระทรวงสาธารณสุขเพื่อกำหนดวันในการเข้ารับวัคซีน

ผู้ว่าการ กกท. กล่าวด้วยว่า กกท.ได้มีหลักเกณฑ์ในการเข้ารับวัคซีนอยู่ ไม่ใช่ว่าทุกรายการจะได้ทั้งหมด โดยนักกีฬาที่จะได้รับวัคซีนจะต้องเข้าแข่งขันรายการที่เป็นมหกรรมสำคัญ ไปในนามทีมชาติไทย เช่น โอลิมปิกเกมส์ หรือรายการชิงแชมป์โลก ชิงแชมป์เอเชีย ซึ่งอย่างฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก ถือว่าอยู่ในข่ายที่สามารถขอรับวัคซีนได้ เพราะเป็นตัวแทนทีมชาติไทยเดินทางไปแข่งขัน ดังนั้นทีมฟุตบอลทีมชาติไทยก็จะสามารถรับวัคซีนก่อนเดินทางไปยูเออีได้

สำหรับสถานการณ์กลุ่ม G ทีมชาติไทยอยู่อันดับ 3 ของกลุ่ม มี 8 คะแนน จาก 5 นัดตามหลังจ่าฝูง เวียดนาม ที่มี 11 คะแนน และอันดับ 2 มาเลเซีย 9 คะแนน ส่วน ยูเออี อยู่อันดับ 4 มี 6 คะแนนจาก 4 นัด และอินโดนีเซีย ไม่มีคะแนน.

คุณเห็นด้วยกับข่าวนี้หรือไม่

  • เห็นด้วย

    0%

  • ไม่เห็นด้วย

    0%

Football Sponsored
ฟุตบอล

ฟุตบอลเป็นกีฬาที่นิยมเล่นมากที่สุดในประเทศไทย โดยเริ่มเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2440 และฟุตบอลทีมชาติไทยได้ร่วมเป็นสมาชิกฟีฟ่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2468 นับว่าเป็นประเทศแรกของโซนเอเชียที่เป็นสมาชิกฟีฟ่า แต่เป็นทีมที่ในอดีตไม่ประสบความสำเร็จในระดับไหนเลย แต่ได้เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพเอเชียนคัพ 2007 ในอดีตประเทศไทยไม่ค่อยสนับสนุนนักฟุตบอลอาชีพนัก นักเตะจึงนิยมไปค้าแข้งกับประเทศอื่นที่มีการสนับสนุนดีกว่า แต่หลังจากปี พ.ศ. 2552 ฟุตบอลอาชีพไทยเริ่มตื่นตัว เนื่องจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียตั้งกฎข้อบังคับให้แต่ละสโมสรจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่มีสโมสรองค์กร รัฐวิสาหกิจ ปรับตัวไม่ได้ จึงต้องมีการยุบทีมทิ้ง หรือขายทีมไป หลังจากไทยพรีเมียร์ลีก 2552 เริ่มขึ้น แฟนบอลเริ่มเข้ามาชมเกมส์ในสนามมากขึ้น เงินเดือนนักเตะสูงขึ้น การจัดการของแต่ละสโมสรดีขึ้น ลีกไทยค่อย ๆ พัฒนาเป็นระดับ ส่งผลทำให้นักฟุตบอลที่เคยไปค้าแข้งต่างแดนกลับมายังประเทศไทย เนื่องจากค่าตอบแทนไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ผลงานทีมชาติกลับสวนทางเพราะว่าต้องใช้เวลาปรับตัว เนื่องจากยุคที่ลีกบ้านเรายังไม่เจริญนักฟุตบอลมีเวลาเตรียมทีมเยอะ แต่ปัจจุบันแทบจะไม่ค่อยมีเวลาเพราะสโมสรเรียกเก็บตัวซ้อมเพื่อการแข่งขัน นักเตะจึงต้องใช้เวลาปรับตัว แต่ถือว่าฟุตบอลของประเทศไทยพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพราะหลังจากนั้นเพียง 2 ปี แฟนบอลหันมาเชียร์ทีมในจังหวัดตัวเองมากขึ้น ทีมกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ส่งผลทำให้เกิดท้องถิ่นนิยม จึงเป็นที่มาที่แฟนบอลไทยเข้าไปชมเกมฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 และดิวิชั่น 2 มากขึ้นนั่นเอง

This website uses cookies.