Football Sponsored

โควิดทำอะไรไม่ได้!แมนซิตี้ผงาดทีมมั่งคั่งเบอร์1โลกหนแรก – สยามกีฬา

Football Sponsored
Football Sponsored

แมนฯ ซิตี้ สโมสรจากเมืองผู้ดีทะยานขึ้นเป็นทีมฟุตบอลที่มีรายรับมากที่สุดในโลกทีมใหม่เป็นที่เรียบร้อยแล้วจากการเปิดเผยโดย Deloitte แม้โลกลูกหนังจะประสบกับปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เช่นเดียวกับทุกวงการ ตามรายงานข่าวเมื่อ 20 มี.ค.

    จากการจัดอันดับ มันนีย์ ลีก ประจำซีซั่น 2020/21 ที่ผ่านมา เรือใบสีฟ้า ถูกระบุว่ามีรายรับเป็นจำนวน 571.1 ล้านปอนด์ (ราว 25,271 ล้านบาท) ซึ่งทำให้พวกเขามีสถานภาพเป็นทีมฟุตบอลที่ร่ำรวยที่สุดอันดับหนึ่งของโลกเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสร ทั้งๆที่เมื่อปีก่อนหน้านี้ ทีมเงินถังจาก เอติฮัด สเตเดี้ยม รั้งอันดับหก

    พร้อมกันนี้ มีการเผยอีกว่านับตั้งแต่มีการจัดอันดับ มันนีย์ ลีก เป็นเวลา 25 ปีเมื่อซีซั่น 1996/97 แมนฯ ซิตี้ มีรายได้จาก 12.7 ล้านปอนด์ (ราว 561 ล้านบาท) เพิ่มเป็น 571.1 ล้านปอนด์ได้อย่างน่าทึ่งซึ่งเป็นผลมาจากการเข้าเทคโอเวอร์ของกลุ่มทุมจาก อาบู ดาบี เมื่อปี 2008

    นอกจาก เรือใบสีฟ้า ซึ่งมีรายได้เพิ่มจากปีก่อนหน้า 17% แล้ว ทีมจาก พรีเมียร์ลีก ที่ติดโผท็อปเทนในซีซั่นที่ผ่านมาประกอบไปด้วยอีกสี่สโมสรโดย แมนฯ ยูไนเต็ด , ลิเวอร์พูล , เชลซี และ สเปอร์ส รั้งอยู่ในอันดับห้า, เจ็ด , แปด และสิบ

    ด้าน เรอัล มาดริด ทีมยักษ์ของ ลา ลีกา ตามมาในอันดับสองเป็นปีที่สองติดต่อกันจากรายรับ 537.7 ล้านปอนด์ (ราว 23,793 ล้านบาท) ขณะที่ บาเยิร์น มิวนิค รั้งอันดับสาม โดยที่ บาร์เซโลน่า หล่นไปอยู่อันดับสี่ ส่วน เปแอสเช และ ยูเวนตุส อยู่ในอันดับหก และเก้าโดยในจำนวนสิบอันดับแรกมีเพียง เรือใบสีฟ้า , เปแอสเช , สิงห์บลูส์ และ ม้าลาย ที่มีรายได้เพิ่มขึ้น

    สำหรับ บาร์ซ่า ซึ่งรั้งอันดับหนึ่งเมื่อปีก่อนหล่นมาอยู่อันดับสี่ซึ่งเป็นอันดับที่ต่ำที่สุดของพวกเขานับตั้งแต่ปี 2014 อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากปัญหาทางด้านการเงินที่ทำให้สโมสรต้องแยกทางกับ ลิโอเนล เมสซี่

    ขณะเดียวกัน Deloitte ได้เผยอีกว่าแม้จะมีปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่ พรีเมียร์ลีก ยังคงมีสถานภาพทางการเงินที่แข็งแกร่งเช่นเดิมโดยจาก 20 สโมสรมีมากถึง 11 สโมสรที่มีรายได้เพิ่ม

อีกหนึ่งช่องทางในการติดตามข่าวสาร
Add friend ที่ @Siamsport
Football Sponsored
ฟุตบอล

ฟุตบอลเป็นกีฬาที่นิยมเล่นมากที่สุดในประเทศไทย โดยเริ่มเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2440 และฟุตบอลทีมชาติไทยได้ร่วมเป็นสมาชิกฟีฟ่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2468 นับว่าเป็นประเทศแรกของโซนเอเชียที่เป็นสมาชิกฟีฟ่า แต่เป็นทีมที่ในอดีตไม่ประสบความสำเร็จในระดับไหนเลย แต่ได้เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพเอเชียนคัพ 2007 ในอดีตประเทศไทยไม่ค่อยสนับสนุนนักฟุตบอลอาชีพนัก นักเตะจึงนิยมไปค้าแข้งกับประเทศอื่นที่มีการสนับสนุนดีกว่า แต่หลังจากปี พ.ศ. 2552 ฟุตบอลอาชีพไทยเริ่มตื่นตัว เนื่องจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียตั้งกฎข้อบังคับให้แต่ละสโมสรจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่มีสโมสรองค์กร รัฐวิสาหกิจ ปรับตัวไม่ได้ จึงต้องมีการยุบทีมทิ้ง หรือขายทีมไป หลังจากไทยพรีเมียร์ลีก 2552 เริ่มขึ้น แฟนบอลเริ่มเข้ามาชมเกมส์ในสนามมากขึ้น เงินเดือนนักเตะสูงขึ้น การจัดการของแต่ละสโมสรดีขึ้น ลีกไทยค่อย ๆ พัฒนาเป็นระดับ ส่งผลทำให้นักฟุตบอลที่เคยไปค้าแข้งต่างแดนกลับมายังประเทศไทย เนื่องจากค่าตอบแทนไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ผลงานทีมชาติกลับสวนทางเพราะว่าต้องใช้เวลาปรับตัว เนื่องจากยุคที่ลีกบ้านเรายังไม่เจริญนักฟุตบอลมีเวลาเตรียมทีมเยอะ แต่ปัจจุบันแทบจะไม่ค่อยมีเวลาเพราะสโมสรเรียกเก็บตัวซ้อมเพื่อการแข่งขัน นักเตะจึงต้องใช้เวลาปรับตัว แต่ถือว่าฟุตบอลของประเทศไทยพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพราะหลังจากนั้นเพียง 2 ปี แฟนบอลหันมาเชียร์ทีมในจังหวัดตัวเองมากขึ้น ทีมกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ส่งผลทำให้เกิดท้องถิ่นนิยม จึงเป็นที่มาที่แฟนบอลไทยเข้าไปชมเกมฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 และดิวิชั่น 2 มากขึ้นนั่นเอง

This website uses cookies.