ไม่อยากเสียโอกาส ‘ช้างศึก’ขอคัดบอลโลกเหย้า-เยือนเหมือนเดิม
“สมยศ” เผย “ช้างศึก” ขอเล่นคัดบอลโลกแบบเหย้า-เยือน เหมือนเดิม เพราะยังเหลือเกมในบ้านถึง 2 นัด จาก 3 เกมสุดท้าย หากปรับเล่นสนามกลางอาจเสียความได้เปรียบไป แต่ยอมรับ ต้องรอดูสถานการณ์โควิด-19
พฤหัสบดีที่ 10 ธันวาคม 2563 เวลา 05.00 น.
“บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย กล่าวกับ “กีฬาเดลินิวส์” ว่า สืบเนื่องจากการประชุมบอร์ดบริหาร สมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย(เอเอฟซี) ทางวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ เมื่อปลายเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา ในเรื่องกำหนดการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย ที่เอเอฟซี ยังยึดกำหนดเดิมคือ กลับมาเตะรอบ 2 ต่อในเดือน มี.ค.ปีหน้า และจบเดือน มิ.ย. เพื่อแข่งรอบ 12 ทีมสุดท้ายในเดือน ก.ย. พร้อมขีดเส้นว่า หากสถานการณ์โควิด-19 ยังน่าเป็นห่วง ก็จะต้องหาวิธีให้แข่งจบรอบ 2 ภายในเดือน มิ.ย.นั้น
เรื่องนี้ แม้จะมีแนวทางเบื้องต้น ว่ารอบ 2 ต้องจบภายในเดือน มิ.ย.ปีหน้า แต่ เอเอฟซี ยังไม่พูดคุยละเอียดถึงขั้นที่ว่าใช้แผนการเตะสนามกลาง
ประมุขลูกหนังไทย กล่าวต่อว่า ในส่วนของทีมชาติไทย สำหรับในรอบ 2 กลุ่ม G ยังเหลือเกมเหย้า 2 เกมกับ อินโดนีเซีย และ มาเลเซีย, เยือน 1 เกม พบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์(ยูเออี) ก็ยืนยันว่าต้องการเล่นแบบเหย้า-เยือน เพราะถือว่าเหลือเกมในบ้าน 2 นัด เป็นความได้เปรียบ กับการที่กำลังลุ้นเข้ารอบ นอกเสียจากว่าสถานการณ์จะรุนแรงจริงๆ ก็ต้องหารือกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า เอเอฟซี จัดประชุมล่าสุด วันที่ 9 ธ.ค.63 ซึ่งต้องจับตาดูว่าจะมีความคืบหน้าในเรื่องโปรแกรมแข่งขันออกมาหรือไม่.
คุณเห็นด้วยกับข่าวนี้หรือไม่
- เห็นด้วย
100%
- ไม่เห็นด้วย
0%
ฟุตบอลฟุตบอลเป็นกีฬาที่นิยมเล่นมากที่สุดในประเทศไทย โดยเริ่มเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2440 และฟุตบอลทีมชาติไทยได้ร่วมเป็นสมาชิกฟีฟ่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2468 นับว่าเป็นประเทศแรกของโซนเอเชียที่เป็นสมาชิกฟีฟ่า แต่เป็นทีมที่ในอดีตไม่ประสบความสำเร็จในระดับไหนเลย แต่ได้เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพเอเชียนคัพ 2007 ในอดีตประเทศไทยไม่ค่อยสนับสนุนนักฟุตบอลอาชีพนัก นักเตะจึงนิยมไปค้าแข้งกับประเทศอื่นที่มีการสนับสนุนดีกว่า แต่หลังจากปี พ.ศ. 2552 ฟุตบอลอาชีพไทยเริ่มตื่นตัว เนื่องจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียตั้งกฎข้อบังคับให้แต่ละสโมสรจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่มีสโมสรองค์กร รัฐวิสาหกิจ ปรับตัวไม่ได้ จึงต้องมีการยุบทีมทิ้ง หรือขายทีมไป หลังจากไทยพรีเมียร์ลีก 2552 เริ่มขึ้น แฟนบอลเริ่มเข้ามาชมเกมส์ในสนามมากขึ้น เงินเดือนนักเตะสูงขึ้น การจัดการของแต่ละสโมสรดีขึ้น ลีกไทยค่อย ๆ พัฒนาเป็นระดับ ส่งผลทำให้นักฟุตบอลที่เคยไปค้าแข้งต่างแดนกลับมายังประเทศไทย เนื่องจากค่าตอบแทนไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ผลงานทีมชาติกลับสวนทางเพราะว่าต้องใช้เวลาปรับตัว เนื่องจากยุคที่ลีกบ้านเรายังไม่เจริญนักฟุตบอลมีเวลาเตรียมทีมเยอะ แต่ปัจจุบันแทบจะไม่ค่อยมีเวลาเพราะสโมสรเรียกเก็บตัวซ้อมเพื่อการแข่งขัน นักเตะจึงต้องใช้เวลาปรับตัว แต่ถือว่าฟุตบอลของประเทศไทยพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพราะหลังจากนั้นเพียง 2 ปี แฟนบอลหันมาเชียร์ทีมในจังหวัดตัวเองมากขึ้น ทีมกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ส่งผลทำให้เกิดท้องถิ่นนิยม จึงเป็นที่มาที่แฟนบอลไทยเข้าไปชมเกมฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 และดิวิชั่น 2 มากขึ้นนั่นเอง
This website uses cookies.