สดุดีตำนาน สนามดังในบราซิลเตรียมเปลี่ยนชื่อตาม “เปเล่”
“มาราคานา สเตเดียม” สังเวียนลูกหนังชื่อดังของแดนแซมบ้า เตรียมเปลี่ยนชื่ออีกครั้งเพื่อเป็นการสดุดีตำนานอย่าง “เปเล่”
สภานิติบัญญัติของรัฐริโอ เดอ จาเนโร ได้มีมติลงคะแนนเสียง เพื่อเปลี่ยนชื่อสนามในตำนานของแดนแซมบ้า ก่อนที่เสียงส่วนใหญ่จะเห็นด้วย ในการเปลี่ยนจาก มาราคานา สเตเดียม ไปใช้ชื่อ เอ็ดสัน อรันเตส โด นาสซิเมนโต-ไร เปเล่ สเตเดียม แทน
สำหรับชื่อดังกล่าวเป็นการผสมกับระหว่าง “เอ็ดสัน อรันเตส โด นาสซิเมนโต” ซึ่งเป็นชื่อเต็มตามบัตรประชาชนของ “ไข่มุกดำ” เปเล่ ที่ปัจจุบันอายุ 80 ปี ขณะที่คำว่า “ไร” (Rei) มาจากภาษาโปรตุกีสที่แปลว่า ราชา (King) ซึ่งรัฐบาลท้องถิ่นจะมีการอนุมัติ ก่อนเปลี่ยนชื่ออย่างเป็นทางการในเร็วๆ นี้
ทั้งนี้ มาราคานา สเตเดียม เปิดใช้งานมาแล้วกว่าครึ่งศตวรรษ โดยผ่านงานใหญ่อย่างนัดชิงฯ ฟุตบอลโลก 2 สมัย ในปี 1950 และ 2014 รวมถึงถูกใช้ในพิธีเปิดมหกรรมกีฬาโอลิมปิก 2016 ที่ผ่านมา
สนามแห่งนี้เคยมีผู้ชมมากที่สุดจำนวน 200,000 คน ในเกมนัดชิงฯ ฟุตบอลโลกปี 1950 ที่บราซิล พบกับ อุรุกวัย ก่อนที่ในปัจจุบันจะถูกลดความจุให้เหลือเพียงแค่ 78,838 ที่นั่งเท่านั้น.
ฟุตบอลฟุตบอลเป็นกีฬาที่นิยมเล่นมากที่สุดในประเทศไทย โดยเริ่มเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2440 และฟุตบอลทีมชาติไทยได้ร่วมเป็นสมาชิกฟีฟ่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2468 นับว่าเป็นประเทศแรกของโซนเอเชียที่เป็นสมาชิกฟีฟ่า แต่เป็นทีมที่ในอดีตไม่ประสบความสำเร็จในระดับไหนเลย แต่ได้เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพเอเชียนคัพ 2007 ในอดีตประเทศไทยไม่ค่อยสนับสนุนนักฟุตบอลอาชีพนัก นักเตะจึงนิยมไปค้าแข้งกับประเทศอื่นที่มีการสนับสนุนดีกว่า แต่หลังจากปี พ.ศ. 2552 ฟุตบอลอาชีพไทยเริ่มตื่นตัว เนื่องจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียตั้งกฎข้อบังคับให้แต่ละสโมสรจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่มีสโมสรองค์กร รัฐวิสาหกิจ ปรับตัวไม่ได้ จึงต้องมีการยุบทีมทิ้ง หรือขายทีมไป หลังจากไทยพรีเมียร์ลีก 2552 เริ่มขึ้น แฟนบอลเริ่มเข้ามาชมเกมส์ในสนามมากขึ้น เงินเดือนนักเตะสูงขึ้น การจัดการของแต่ละสโมสรดีขึ้น ลีกไทยค่อย ๆ พัฒนาเป็นระดับ ส่งผลทำให้นักฟุตบอลที่เคยไปค้าแข้งต่างแดนกลับมายังประเทศไทย เนื่องจากค่าตอบแทนไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ผลงานทีมชาติกลับสวนทางเพราะว่าต้องใช้เวลาปรับตัว เนื่องจากยุคที่ลีกบ้านเรายังไม่เจริญนักฟุตบอลมีเวลาเตรียมทีมเยอะ แต่ปัจจุบันแทบจะไม่ค่อยมีเวลาเพราะสโมสรเรียกเก็บตัวซ้อมเพื่อการแข่งขัน นักเตะจึงต้องใช้เวลาปรับตัว แต่ถือว่าฟุตบอลของประเทศไทยพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพราะหลังจากนั้นเพียง 2 ปี แฟนบอลหันมาเชียร์ทีมในจังหวัดตัวเองมากขึ้น ทีมกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ส่งผลทำให้เกิดท้องถิ่นนิยม จึงเป็นที่มาที่แฟนบอลไทยเข้าไปชมเกมฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 และดิวิชั่น 2 มากขึ้นนั่นเอง
This website uses cookies.