Football Sponsored

กาตาร์ ฝันใหญ่เป็นเจ้าภาพโอลิมปิก 2032 ต่อจาก บอลโลก,เอเชียนเกมส์

Football Sponsored
Football Sponsored

คิดการใหญ่ “กาตาร์” เป็นเจ้าภาพ “ฟุตบอลโลก 2022” ไม่พอหวังสูงเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัด “กีฬาโอลิมปิก 2032” พร้อมมั่นใจศักยภาพของชาติตนเอง และสู้กับตัวเต็งอย่าง “บริสเบน” ออสเตรเลีย ที่เสนอตัวไปก่อนหน้านี้ด้วย

หลังจากที่ประเทศกาตาร์ ได้รับเลือกให้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน “ฟุตบอลโลก 2022” ระหว่างวันที่ 21 พฤศจิกายน ถึง 18 ธันวาคม 2565 แล้วต่อด้วยเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ 2030 ที่กรุงโดฮา ในปี พ.ศ.2573 ซึ่งถือว่าเป็นความสำเร็จในด้านการจัดการแข่งขันกีฬาอีกชาติหนึ่งของเอเชียนั้น

ล่าสุดทาง คณะกรรมการโอลิมปิกกาตาร์ ก็ยังคิดการใหญ่ด้วยการเสนอตัวขอเป็น เจ้าภาพ จัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 2032 อีกด้วย โดยก่อนหน้านี้ทาง คณะกรรมการโอลิมปิกสากล (ไอโอซี) ได้ประกาศให้ชาติที่สนใจเป็นเจ้าภาพได้เสนอตัว ซึ่งกฎว่ามี นครบริสเบน ของออสเตรเลีย, จีน, อินโดนีเซีย, อินเดีย, อังการี ได้สมัครเสนอตัวเป็นเจ้าภาพด้วย

ทาง ชีค โจอันน์ บิน ฮาหมัด คาลิฟา อัลธานี่ ประธานคณะกรรมโอลิมปิกกาตาร์ เปิดเผยว่า อีก 11 ปี ข้างหน้าฝันของประเทศของเราคือการเป็น เจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกนั่นคือ กีฬาโอลิมปิก 2032 แม้ว่าก่อนหน้านี้เราเคยเสนอตัวเป็นเจ้าภาพกีฬาโอลิมปิกมาแล้ว 2 ครั้งแต่ไม่ได้รับเลือก ซึ่งจุดนี้เราได้ความรู้ ความเข้าใจ และประสบการณ์ว่าต้องทำอย่างไรบ้าง

ช่วงเวลาดังกล่าวถือว่าเป็น เวลาที่เหมาะสมที่ กาตาร์จะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันที่ยิ่งใหญ่อย่าง กีฬาโอลิมปิก และกรุงโดฮาเองก็อยู่ในจุดที่เหมาะสม ปลอดภัย สามารถจัดการแข่งขันกีฬาระดับโลกได้ เพราะเราจะผ่านประสบการณ์ในการจัด ฟุตบอลโลก 2022 และ กีฬาเอเชียนเกมส์ 2030 ซึ่งช่วงเวลาที่เหลืออยู่เราก็จะหารือกับทาง ไอโอซี เพื่อแสดงให้เห็นว่า ถ้ากีฬาโอลิมปิก จัดที่ประเทศของเราแล้วภาพจะออกมายิ่งใหญ่และสมบูรณ์เพียงใด

ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ทาง คณะกรรมการโอลิมปิกสากล ได้พิจารณาว่า นครบริสเบน ประเทศออสเตรเลีย เป็นตัวเต็งที่จะได้สิทธิเป็นเจ้าภาพกีฬาโอลิมปิก 2032 หลังจากที่มีชาติที่เสนอตัวเข้ามาทั้ง จีน, อินโดนีเซีย, อินเดีย, อังการี แต่นั่นก็ยังไม่ใช่ข้อสรุปสุดท้าย ทุกชาติยังมีโอกาสเท่าๆ กัน

Football Sponsored
ฟุตบอล

ฟุตบอลเป็นกีฬาที่นิยมเล่นมากที่สุดในประเทศไทย โดยเริ่มเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2440 และฟุตบอลทีมชาติไทยได้ร่วมเป็นสมาชิกฟีฟ่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2468 นับว่าเป็นประเทศแรกของโซนเอเชียที่เป็นสมาชิกฟีฟ่า แต่เป็นทีมที่ในอดีตไม่ประสบความสำเร็จในระดับไหนเลย แต่ได้เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพเอเชียนคัพ 2007 ในอดีตประเทศไทยไม่ค่อยสนับสนุนนักฟุตบอลอาชีพนัก นักเตะจึงนิยมไปค้าแข้งกับประเทศอื่นที่มีการสนับสนุนดีกว่า แต่หลังจากปี พ.ศ. 2552 ฟุตบอลอาชีพไทยเริ่มตื่นตัว เนื่องจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียตั้งกฎข้อบังคับให้แต่ละสโมสรจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่มีสโมสรองค์กร รัฐวิสาหกิจ ปรับตัวไม่ได้ จึงต้องมีการยุบทีมทิ้ง หรือขายทีมไป หลังจากไทยพรีเมียร์ลีก 2552 เริ่มขึ้น แฟนบอลเริ่มเข้ามาชมเกมส์ในสนามมากขึ้น เงินเดือนนักเตะสูงขึ้น การจัดการของแต่ละสโมสรดีขึ้น ลีกไทยค่อย ๆ พัฒนาเป็นระดับ ส่งผลทำให้นักฟุตบอลที่เคยไปค้าแข้งต่างแดนกลับมายังประเทศไทย เนื่องจากค่าตอบแทนไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ผลงานทีมชาติกลับสวนทางเพราะว่าต้องใช้เวลาปรับตัว เนื่องจากยุคที่ลีกบ้านเรายังไม่เจริญนักฟุตบอลมีเวลาเตรียมทีมเยอะ แต่ปัจจุบันแทบจะไม่ค่อยมีเวลาเพราะสโมสรเรียกเก็บตัวซ้อมเพื่อการแข่งขัน นักเตะจึงต้องใช้เวลาปรับตัว แต่ถือว่าฟุตบอลของประเทศไทยพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพราะหลังจากนั้นเพียง 2 ปี แฟนบอลหันมาเชียร์ทีมในจังหวัดตัวเองมากขึ้น ทีมกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ส่งผลทำให้เกิดท้องถิ่นนิยม จึงเป็นที่มาที่แฟนบอลไทยเข้าไปชมเกมฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 และดิวิชั่น 2 มากขึ้นนั่นเอง

This website uses cookies.