Football Sponsored

เดอ บรอยน์ เปิดใจเหตุลาเชลซี, เซอร์ไพรส์ชีวิตที่แมนฯ ซิตี้

Football Sponsored
Football Sponsored

กองกลางเรือใบสีฟ้าเปิดเผยสาเหตุที่เขาตัดสินใจอำลาถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ พร้อมยอมรับว่าไม่เคยคาดคิดว่าจะประสบความสำเร็จถึงขนาดที่เป็นอยู่

เควิน เดอ บรอยน์ กองกลางแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เปิดเผยสาเหตุที่เขาโบกมือลาเชลซี เพราะเชื่อว่าไม่น่าจะได้รับโอกาสลงสนามอย่างที่ต้องการ พร้อมยอมรับว่าประหลาดใจกับความสำเร็จของตัวเองในช่วงหลายปีหลัง

มิดฟิลด์ชาวเบลเยียมเคยค้าแข้งในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ สมัยที่ยังเป็นนักเตะดาวรุ่ง ทว่ากลับไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร ก่อนที่จะมาเริ่มสร้างชื่อตอนถูกยืมตัวไปเล่นให้แวร์เดอร์ เบรเมน และย้ายออกจากทีมสิงห์บลูไปอยู่กับโวล์ฟสบวร์ก ก่อนจะมาอยู่กับเรือใบสีฟ้าจนถึงปัจจุบัน

ในระหว่างช่วงที่ค้าแข้งในถิ่นเอติฮัด สเตเดียม เดอ บรอยน์ คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกมาครองได้ 2 สมัย เอฟเอ คัพ 1 สมัย และลีกคัพอีก 4 สมัย เคยได้รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมพรีเมียร์ลีก เมื่อฤดูกาล 2019-20 รวมถึงนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของ พีเอฟเอ ในฤดูกาลเดียวกัน

Editor Picks

  • ดาวซัลโวพรีเมียร์ลีก 2020-21
  • โปรแกรมถ่ายทอดสดฟุตบอล – ดูบอลสดคืนนี้ (พรีเมียร์ลีก, ไทยลีก, ลาลีกา, บุนเดสลีกา, แชมเปี้ยนส์ลีก, ฯลฯ)
  • ลิเวอร์พูล ถ่ายช่องไหน? วิธีดูลิเวอร์พูล พบฟูแลม
  • แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถ่ายช่องไหน? วิธีดูแมนฯ ยูฯ พบแมนฯ ซิตี้

ขณะที่ในระดับทีมชาติ เขาก็เป็นหนึ่งในขุนพลทีมชาติเบลเยียมชุดคว้าอันดับสามในฟุตบอลโลก 2018 ภายใต้การคุมทีมของ โรแบร์โต มาร์ติเนซ กุนซือชาวสเปน

“ผมตัดสินใจย้ายทีมเพราะรู้สึกว่าผมไม่ค่อยมีโอกาสได้เล่นในตอนนั้น” เดอ บรอยน์กล่าวทาง Sky Sports

“ผมไม่เห็นว่าจะมีโอกาสมาหาผมมากนัก มันเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดที่จะออกจากเชลซี และไปหาสถานการณ์ที่ผมรู้สึกว่าผมจะได้เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง

“ผมคาดหวังไว้รึเปล่าว่าจะออกมาเป็นแบบนี้? แน่นอนว่าไม่ เพราะในตอนนั้น มันคือจุดตกต่ำในชีวิตค้าแข้งของผม แต่ผมไม่เคยสงสัยความสามารถของตัวเองเลยในฐานะนักฟุตบอล

“ผมไม่เคยคิดหรอกว่าจะเกิดอะไรขึ้น ตลอด 8 ปีจนมาเล่นให้ซิตี้ ทั้งฟุตบอลโลก และเรื่องทั้งหมดนั่น มันมหัศจรรย์มากๆ”

Football Sponsored
ฟุตบอล

ฟุตบอลเป็นกีฬาที่นิยมเล่นมากที่สุดในประเทศไทย โดยเริ่มเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2440 และฟุตบอลทีมชาติไทยได้ร่วมเป็นสมาชิกฟีฟ่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2468 นับว่าเป็นประเทศแรกของโซนเอเชียที่เป็นสมาชิกฟีฟ่า แต่เป็นทีมที่ในอดีตไม่ประสบความสำเร็จในระดับไหนเลย แต่ได้เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพเอเชียนคัพ 2007 ในอดีตประเทศไทยไม่ค่อยสนับสนุนนักฟุตบอลอาชีพนัก นักเตะจึงนิยมไปค้าแข้งกับประเทศอื่นที่มีการสนับสนุนดีกว่า แต่หลังจากปี พ.ศ. 2552 ฟุตบอลอาชีพไทยเริ่มตื่นตัว เนื่องจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียตั้งกฎข้อบังคับให้แต่ละสโมสรจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่มีสโมสรองค์กร รัฐวิสาหกิจ ปรับตัวไม่ได้ จึงต้องมีการยุบทีมทิ้ง หรือขายทีมไป หลังจากไทยพรีเมียร์ลีก 2552 เริ่มขึ้น แฟนบอลเริ่มเข้ามาชมเกมส์ในสนามมากขึ้น เงินเดือนนักเตะสูงขึ้น การจัดการของแต่ละสโมสรดีขึ้น ลีกไทยค่อย ๆ พัฒนาเป็นระดับ ส่งผลทำให้นักฟุตบอลที่เคยไปค้าแข้งต่างแดนกลับมายังประเทศไทย เนื่องจากค่าตอบแทนไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ผลงานทีมชาติกลับสวนทางเพราะว่าต้องใช้เวลาปรับตัว เนื่องจากยุคที่ลีกบ้านเรายังไม่เจริญนักฟุตบอลมีเวลาเตรียมทีมเยอะ แต่ปัจจุบันแทบจะไม่ค่อยมีเวลาเพราะสโมสรเรียกเก็บตัวซ้อมเพื่อการแข่งขัน นักเตะจึงต้องใช้เวลาปรับตัว แต่ถือว่าฟุตบอลของประเทศไทยพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพราะหลังจากนั้นเพียง 2 ปี แฟนบอลหันมาเชียร์ทีมในจังหวัดตัวเองมากขึ้น ทีมกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ส่งผลทำให้เกิดท้องถิ่นนิยม จึงเป็นที่มาที่แฟนบอลไทยเข้าไปชมเกมฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 และดิวิชั่น 2 มากขึ้นนั่นเอง

This website uses cookies.