Football Sponsored

ผู้ตัดสินฟีฟ่างง “เวียดนาม” ไม่ได้จุดโทษ ชี้ “ออสเตรเลีย” แฮนด์บอลชัดเจน (คลิป) – ไทยรัฐ

Football Sponsored
Football Sponsored

วันที่ 8 ก.ย. 64 ควันหลงฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 12 ทีมสุดท้าย นัดที่ 2 กลุ่มบี ซึ่ง เวียดนาม ที่ผ่านเข้ามาถึงรอบนี้เป็นครั้งแรก แพ้คาบ้านให้กับ ออสเตรเลีย 0-1 จากการโหม่งของ ไรอัน แกรนต์ ในนาทีที่ 43 ทำให้ขุนพลแดนเหงียนแพ้รวด 2 นัด ยังไม่มีคะแนน รั้งอันดับ 5 จากทั้งหมด 6 ทีมในกลุ่ม

เกมนี้มีประเด็นถกเถียงในนาทีที่ 27 จากจังหวะที่ เหงียน ฟง ห่ง ซุย ได้ยิงนอกเขตโทษ บอลไปติดแขนขวาของ ไรอัน แกรนต์ ผู้ทำประตูชัยให้ออสเตรเลียในเขตโทษ แต่ อับดุลราห์มาน อัล-จัสซิม ผู้ตัดสินชาวกาตาร์ไม่ให้เป็นจุดโทษ แม้ว่าจะเดินมาดูวีเออาร์ที่จอข้างสนามแล้ว โดยมองว่า ไรอัน แกรนต์ ไม่มีเจตนาทำแฮนด์บอล

อย่างไรก็ตาม โหง่ ซุย ลัน ผู้ตัดสินของเวียดนามเพียงคนเดียวที่มีดีกรี ฟีฟ่า อีลิท ออกมาแสดงความคิดเห็นถึงจังหวะปัญหานี้ผ่านทาง Bongda24h สื่อดังแดนเหงียนว่า “การเช็กวีเออาร์ ผู้ตัดสินในสนามจะเป็นคนตัดสินใจขั้นสุดท้าย ส่วนบรรดาผู้ช่วยจะมีหน้าที่เพียงแค่แจ้งข้อมูลในสถานการณ์นั้นๆ ในมุมมองของผม จังหวะนี้ เวียดนาม ควรได้จุดโทษ และผู้เล่นออสเตรเลียต้องได้รับใบเหลือง

“สาเหตุข้อแรก คือ ทิศทางของลูกยิงของ ห่ง ซุย พุ่งเข้าหากรอบประตู และข้อที่ 2 คือ แขนของผู้เล่นออสเตรเลียอยู่ในตำแหน่งที่ทำให้ร่างกายใหญ่ขึ้น ซึ่งก่อนที่บอลจะมาถึง ผู้เล่นยังเก็บแขนอยู่ มันชัดเจนว่าแขนถูกยกขึ้นมาในตำแหน่งที่ไม่เป็นธรรมชาติ ดังนั้นจึงมีเหตุผลสนับสนุนให้ เวียดนาม สมควรได้จุดโทษ และให้ใบเหลืองกับออสเตรเลีย”

นอกจากนี้ Bongda24h ยังอ้างอิงกฎฟีฟ่า มาตราที่ 12 ที่เพิ่งบังคับใช้ในฤดูกาล 2021-2022 ว่า ผู้เล่นที่ทำให้ร่างกายใหญ่ขึ้น โดยตำแหน่งของมือหรือแขนไม่เป็นไปในลักษณะการเคลื่อนไหวตามปกติของร่างกาย และมีการขยับมาอยู่ในตำแหน่งที่ไม่เป็นธรรมชาติหรือผิดปกติ ผู้เล่นต้องยอมรับความเสี่ยงในการทำแฮนด์บอล ซึ่งนำไปสู่การพิจารณาให้เป็นจุดโทษได้ ซึ่งนักเตะในสนามต้องระวังเรื่องการสัมผัสบอลด้วยมือและแขนในกรอบเขตโทษทุกกรณี

ก่อนหน้านี้ แฟนบอลเวียดนามก็มีการวิจารณ์ผู้ตัดสินในเกมแรกที่ เวียดนาม บุกไปแพ้ ซาอุดีอาระเบีย 1-3 ซึ่งให้ทั้งจุดโทษและใบเหลืองที่ 2 เป็นใบแดงกับผู้เล่นเวียดนาม จากการทำแฮนด์บอลในเขตโทษ ซึ่งแฟนบอลมองว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้ทีมรักต้องพ่ายแพ้

Football Sponsored
ฟุตบอล

ฟุตบอลเป็นกีฬาที่นิยมเล่นมากที่สุดในประเทศไทย โดยเริ่มเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2440 และฟุตบอลทีมชาติไทยได้ร่วมเป็นสมาชิกฟีฟ่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2468 นับว่าเป็นประเทศแรกของโซนเอเชียที่เป็นสมาชิกฟีฟ่า แต่เป็นทีมที่ในอดีตไม่ประสบความสำเร็จในระดับไหนเลย แต่ได้เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพเอเชียนคัพ 2007 ในอดีตประเทศไทยไม่ค่อยสนับสนุนนักฟุตบอลอาชีพนัก นักเตะจึงนิยมไปค้าแข้งกับประเทศอื่นที่มีการสนับสนุนดีกว่า แต่หลังจากปี พ.ศ. 2552 ฟุตบอลอาชีพไทยเริ่มตื่นตัว เนื่องจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียตั้งกฎข้อบังคับให้แต่ละสโมสรจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่มีสโมสรองค์กร รัฐวิสาหกิจ ปรับตัวไม่ได้ จึงต้องมีการยุบทีมทิ้ง หรือขายทีมไป หลังจากไทยพรีเมียร์ลีก 2552 เริ่มขึ้น แฟนบอลเริ่มเข้ามาชมเกมส์ในสนามมากขึ้น เงินเดือนนักเตะสูงขึ้น การจัดการของแต่ละสโมสรดีขึ้น ลีกไทยค่อย ๆ พัฒนาเป็นระดับ ส่งผลทำให้นักฟุตบอลที่เคยไปค้าแข้งต่างแดนกลับมายังประเทศไทย เนื่องจากค่าตอบแทนไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ผลงานทีมชาติกลับสวนทางเพราะว่าต้องใช้เวลาปรับตัว เนื่องจากยุคที่ลีกบ้านเรายังไม่เจริญนักฟุตบอลมีเวลาเตรียมทีมเยอะ แต่ปัจจุบันแทบจะไม่ค่อยมีเวลาเพราะสโมสรเรียกเก็บตัวซ้อมเพื่อการแข่งขัน นักเตะจึงต้องใช้เวลาปรับตัว แต่ถือว่าฟุตบอลของประเทศไทยพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพราะหลังจากนั้นเพียง 2 ปี แฟนบอลหันมาเชียร์ทีมในจังหวัดตัวเองมากขึ้น ทีมกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ส่งผลทำให้เกิดท้องถิ่นนิยม จึงเป็นที่มาที่แฟนบอลไทยเข้าไปชมเกมฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 และดิวิชั่น 2 มากขึ้นนั่นเอง

This website uses cookies.