กัปตันเวียดนามเผยทุกคนรอคอยผ่านเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลก – สยามกีฬา
เกว๊ หง็อก หาย กัปตันทัพดาวทอง ทีมชาติเวียดนาม ให้สัมภาษณ์กับ FIFA.COM เผยเป้าหมายของเวียดนามคือการเล่นไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายให้ได้
กัปตันวัย 28 ปี กล่าวว่า “เราผ่านการทดสอบอย่างหนักหลายครั้งเพื่อมาถึงขั้นนี้ มันคือการสร้างประวัติศาสตร์ ในแง่หนึ่ง เราได้มุ่งหวังถึงความฝันในการไปถึงระดับนี้ ซึ่งเราสามารถแข่งขันกับทีมที่แข็งแกร่งที่สุดในเอเชียได้ แฟน ๆ ของเราภูมิใจกับสิ่งนี้ ผมหวังว่าพวกเราจะสามารถแสดงผลงานที่ดีของเราต่อไปในเวทีนี้และนำความสุขมาสู่แฟนบอลของพวกเรา
โดยเวียดนามจะเล่นนัดแรกกับทีมชาติซาอุดิอาระเบีย เกว๊ หง็อก หาย เผยต่อ “ไม่ต้องพูดเลย ซาอุดีอาระเบียเป็นคู่แข่งที่แข็งแกร่งในกลุ่มของเรา เวียดนามแพ้สองครั้ง (5-0, 4-0) ในการพบกันครั้งฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก 2002 โซนเอเชีย ในรอบสุดท้ายเกาหลีและญี่ปุ่นเป็นเจ้าภาพ นี่เป็นแมทช์ที่ยากสำหรับเราอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม พวกเราจะทำให้ดีที่สุด ผู้เล่นของเราและแฟนบอลชาวเวียดนามทุกคนต่างตั้งตารอคอยวันที่ทีมของเราจะเข้ารอบฟุตบอลโลก มันจะเป็นวันที่ฝันเป็นจริงสำหรับเราอย่างแน่นอน
กัปตันดาวทองกล่าวทิ้งท้ายว่า “ผมมั่นใจเพราะโค้ชของเราเตรียมทีมเราให้พร้อมมากที่สุด ในเรื่องการฝึกซ้อมการเตะจุดโทษ เมื่อยิงจุดโทษ อย่างแรกคือต้องเชื่อมั่นในตัวเอง คุณต้องมีจิตใจที่ดี ผมมีความสุขมาก มันเป็นเป้าหมายที่สำคัญสำหรับเรา มันช่วยให้เราสามารถตามเป้าหมายได้สำเร็จ มันจะเป็นชัยชนะที่เป็นของทั้งทีมและแฟน ๆ ทุกคน”
อีกหนึ่งช่องทางในการติดตามข่าวสาร
Add friend ที่ @Siamsport
ฟุตบอลฟุตบอลเป็นกีฬาที่นิยมเล่นมากที่สุดในประเทศไทย โดยเริ่มเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2440 และฟุตบอลทีมชาติไทยได้ร่วมเป็นสมาชิกฟีฟ่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2468 นับว่าเป็นประเทศแรกของโซนเอเชียที่เป็นสมาชิกฟีฟ่า แต่เป็นทีมที่ในอดีตไม่ประสบความสำเร็จในระดับไหนเลย แต่ได้เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพเอเชียนคัพ 2007 ในอดีตประเทศไทยไม่ค่อยสนับสนุนนักฟุตบอลอาชีพนัก นักเตะจึงนิยมไปค้าแข้งกับประเทศอื่นที่มีการสนับสนุนดีกว่า แต่หลังจากปี พ.ศ. 2552 ฟุตบอลอาชีพไทยเริ่มตื่นตัว เนื่องจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียตั้งกฎข้อบังคับให้แต่ละสโมสรจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่มีสโมสรองค์กร รัฐวิสาหกิจ ปรับตัวไม่ได้ จึงต้องมีการยุบทีมทิ้ง หรือขายทีมไป หลังจากไทยพรีเมียร์ลีก 2552 เริ่มขึ้น แฟนบอลเริ่มเข้ามาชมเกมส์ในสนามมากขึ้น เงินเดือนนักเตะสูงขึ้น การจัดการของแต่ละสโมสรดีขึ้น ลีกไทยค่อย ๆ พัฒนาเป็นระดับ ส่งผลทำให้นักฟุตบอลที่เคยไปค้าแข้งต่างแดนกลับมายังประเทศไทย เนื่องจากค่าตอบแทนไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ผลงานทีมชาติกลับสวนทางเพราะว่าต้องใช้เวลาปรับตัว เนื่องจากยุคที่ลีกบ้านเรายังไม่เจริญนักฟุตบอลมีเวลาเตรียมทีมเยอะ แต่ปัจจุบันแทบจะไม่ค่อยมีเวลาเพราะสโมสรเรียกเก็บตัวซ้อมเพื่อการแข่งขัน นักเตะจึงต้องใช้เวลาปรับตัว แต่ถือว่าฟุตบอลของประเทศไทยพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพราะหลังจากนั้นเพียง 2 ปี แฟนบอลหันมาเชียร์ทีมในจังหวัดตัวเองมากขึ้น ทีมกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ส่งผลทำให้เกิดท้องถิ่นนิยม จึงเป็นที่มาที่แฟนบอลไทยเข้าไปชมเกมฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 และดิวิชั่น 2 มากขึ้นนั่นเอง
This website uses cookies.