Football Sponsored

เคยดวลมาแล้ว!ฮาแลนด์ชูฟานไดค์กองหลังโหดสุดในปัจจุบัน – สยามกีฬา

Football Sponsored
Football Sponsored

เออร์ลิง เบราต์ ฮาแลนด์ หัวหอก ดอร์ทมุนด์ ยืนยันว่าในมุมมองของตน เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ ยังเป็นกองหลังที่เก่งที่สุดของโลกในตอนนี้ หลังจากเจ้าตัวมีคิวที่จะต้องดวลกับ ฟาน ไดค์ ในศึก ฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก

    เออร์ลิง เบราต์ ฮาแลนด์ กองหน้าคนเก่งของ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ยอดสโมสรแห่งวงการ บุนเดสลีกา เยอรมัน กล่าวยกย่อง เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ กองหลัง ลิเวอร์พูล ว่าถือเป็นกองหลังที่เก่งที่สุดของโลกในตอนนี้

    ฮาแลนด์ เริ่มกลายเป็นที่รู้จักของหลายคนจากตอนที่ทำผลงานได้โดดเด่นที่ เร้ดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก ซึ่งตอนนั้นเขาก็มีโอกาสได้ดวลกับ ฟาน ไดค์ ในเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ด้วย และมันก็ทำให้มีครั้งหนึ่งที่เจ้าตัวเคยออกมาบอกเองว่ากองหลังชาวดัตช์เป็นคู่แข่งที่ตนรับมือด้วยได้ยากที่สุด กระทั่งล่าสุด ฮาแลนด์ ก็ยังยืนกรานมุมมองของตัวเอง หลังจากที่เขามีคิวนำทีมชาตินอร์เวย์ดวลกับ ฮอลแลนด์ ในศึก ฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก โซนยุโรป กลุ่ม จี วันพุธที่ 1 กันยายนนี้

    แข้งวัย 21 ปี เผยในงานแถลงข่าวก่อนถึงวันแข่งขันว่า “ผมคิดว่าเขาเป็นกองหลังที่เก่งที่สุดของโลก ผมเชื่อว่าบางคนในห้องนี้ก็คงจะเห็นด้วยกับผมในเรื่องนั้น เขาเป็นคนที่เร็ว, แข็งแกร่ง และยังเล่นได้ฉลาดมากๆ ด้วย นั่นคือ 3 ปัจจัยสำคัญที่คุณต้องมี ผมเคยดวลกับเขามาแล้ว 2 ครั้ง ก่อนหน้านี้ผมเคยบอกไปแล้วว่าเขาเป็นคนที่เก่งที่สุดเท่าที่ผมเคยดวลด้วย เขาเป็นนักเตะที่ดี ดังนั้นเราก็ต้องพยายามเลี่ยงที่จะดวลกับเขาตรงๆ”

    “ตอนนี้ผมพัฒนาในด้านการทำประตูได้เยอะ แม้ว่าเดิมทีผมจะยิงได้มากพอตัวตั้งแต่ตอนอยู่ที่ ซัลซ์บวร์ก ก็ตาม ตอนนี้ผมตัวหนาขึ้น, เร็วขึ้น, ฉลาดขึ้น และจบสกอร์ได้ดีขึ้น แต่ผมยังต้องทำอะไรอีกเยอะ ซึ่งมันก็นับเป็นเรื่องที่ดีที่เป็นแบบนั้น เพราะมันหมายความว่าผมสามารถเก่งขึ้นได้ แต่ในขณะเดียวกันเขา (ฟาน ไดค์) ก็พัฒนาขึ้นเช่นกัน”

    “ทุกคนพัฒนาขึ้นกันอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว ฮอลแลนด์ ชุดนี้มีนักเตะชื่อดังอีกหลายคนที่อยู่ในทีมก็จริง แต่เขาถือเป็นคนที่เก่งที่สุดของทีมแล้ว  ผมตั้งตารอที่จะได้เจอกับเขา และมันก็เป็นเรื่องดีที่เขาจะได้ลงเล่นในเกมนี้”

อีกหนึ่งช่องทางในการติดตามข่าวสาร
Add friend ที่ @Siamsport
Football Sponsored
ฟุตบอล

ฟุตบอลเป็นกีฬาที่นิยมเล่นมากที่สุดในประเทศไทย โดยเริ่มเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2440 และฟุตบอลทีมชาติไทยได้ร่วมเป็นสมาชิกฟีฟ่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2468 นับว่าเป็นประเทศแรกของโซนเอเชียที่เป็นสมาชิกฟีฟ่า แต่เป็นทีมที่ในอดีตไม่ประสบความสำเร็จในระดับไหนเลย แต่ได้เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพเอเชียนคัพ 2007 ในอดีตประเทศไทยไม่ค่อยสนับสนุนนักฟุตบอลอาชีพนัก นักเตะจึงนิยมไปค้าแข้งกับประเทศอื่นที่มีการสนับสนุนดีกว่า แต่หลังจากปี พ.ศ. 2552 ฟุตบอลอาชีพไทยเริ่มตื่นตัว เนื่องจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียตั้งกฎข้อบังคับให้แต่ละสโมสรจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่มีสโมสรองค์กร รัฐวิสาหกิจ ปรับตัวไม่ได้ จึงต้องมีการยุบทีมทิ้ง หรือขายทีมไป หลังจากไทยพรีเมียร์ลีก 2552 เริ่มขึ้น แฟนบอลเริ่มเข้ามาชมเกมส์ในสนามมากขึ้น เงินเดือนนักเตะสูงขึ้น การจัดการของแต่ละสโมสรดีขึ้น ลีกไทยค่อย ๆ พัฒนาเป็นระดับ ส่งผลทำให้นักฟุตบอลที่เคยไปค้าแข้งต่างแดนกลับมายังประเทศไทย เนื่องจากค่าตอบแทนไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ผลงานทีมชาติกลับสวนทางเพราะว่าต้องใช้เวลาปรับตัว เนื่องจากยุคที่ลีกบ้านเรายังไม่เจริญนักฟุตบอลมีเวลาเตรียมทีมเยอะ แต่ปัจจุบันแทบจะไม่ค่อยมีเวลาเพราะสโมสรเรียกเก็บตัวซ้อมเพื่อการแข่งขัน นักเตะจึงต้องใช้เวลาปรับตัว แต่ถือว่าฟุตบอลของประเทศไทยพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพราะหลังจากนั้นเพียง 2 ปี แฟนบอลหันมาเชียร์ทีมในจังหวัดตัวเองมากขึ้น ทีมกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ส่งผลทำให้เกิดท้องถิ่นนิยม จึงเป็นที่มาที่แฟนบอลไทยเข้าไปชมเกมฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 และดิวิชั่น 2 มากขึ้นนั่นเอง

This website uses cookies.