Football Sponsored

‘นิชิโนะ’โบ้ยโควิดทำช้างศึกพัง l เปิดใจขอโทษแฟนบอลทุกคน – หนังสือพิมพ์แนวหน้า

Football Sponsored
Football Sponsored

วันจันทร์ ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2564, 06.00 น.

อากิระ นิชิโนะ อดีตกุนซือทีมชาติไทย ชาวญี่ปุ่น ออกมาเปิดใจหลังจากที่โดน สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ยกเลิกสัญญา จากผลงานทำทัพ ช้างศึก ตกรอบฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือกด้วยการจบอันดับ 4 ของกลุ่ม

โดย นิชิโนะ ได้ส่งสารถึงแฟนบอลชาวไทยและผู้ที่เกี่ยวข้องเป็นครั้งแรก หลังจากอำลากุนซือทีมชาติไทย เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งใจความของแถลงการณ์ มีดังต่อไปนี้

“ผมรู้สึกเสียใจเป็นอย่างยิ่ง ที่การเข้าแคมป์ ฝึกซ้อมรวมไปถึงการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกที่ดูไบในครั้งนี้ ไม่สามารถทําตามความคาดหวังของแฟนบอลชาวไทยทุกคนได้แต่ผู้ที่รู้สึกแย่และหนักหน่วงมากที่สุดคือนักฟุตบอลทุกคนหลังจากที่ได้พักเป็นระยะเวลา 1 เดือน การเข้าแคมป์ เก็บตัวฝึกซ้อมราบรื่นและทุกคนอยู่ในสภาพดี แต่เนื่องจากมีผู้ติดโควิด-19 ทําให้มีความจําเป็นต้องกักตัว 2 สัปดาห์ จึงไม่สามารถฝึกซ้อมเพื่อคัดเลือกนักเตะได้ และต้องพานักเตะทั้ง 42 คน ไปยูเออีด้วยกัน ซึ่งการที่ไม่สามารถตัดสินคัดเลือกนักเตะได้ทาง FA ก็เข้าใจดีและผมขอขอบคุณที่ช่วยพาทุกคนไปขณะเดียวกันก็ต้องทําให้เจ้าหน้าที่สมาคมและสต๊าฟโค้ชต้องพลอยรับภาระหนักและลําบากไปด้วย ผมจึงอยากขอกล่าวคําขอบคุณพวกเขามา ณ ที่นี้ ด้วยครับ”

“ตัวผมเองก็รู้สึกถึงความยากของการดูแลจัดการแบบที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนเช่นกัน นักเตะทุกคนสู้อย่างแข็งขันและเด็ดเดี่ยวภายใต้สภาพที่ไม่พร้อมเท่าที่ควร น่าเสียดายที่มีทั้งนักเตะในประเทศ และนักเตะที่สร้างผลงานอยู่ในญี่ปุ่นถอนตัวไปแต่ผมเชื่อว่า หากทีมชาติไทยสร้าง ความแข็งแกร่งโดยขับเคลื่อนไปพร้อมกับไทยลีก ทีมชาติไทยจะสามารถยกระดับกลายเป็นทีมชาติที่แข็งแกร่ง ได้อย่างแน่นอน”

“สําหรับหน้าที่หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย ผมต้องขอขอบคุณอย่างสูงสําหรับความร่วมมือของ FA, ทีมสโมสร,สปอนเซอร์ และขอขอบคุณแรงเชียร์อันล้นหลามจากแฟนบอลและผู้สนับสนุนที่ต่อสู้มาด้วยกันในฐานะผู้เล่นหมายเลข 12” มขอให้สถานการณ์โควิด-19 จบลงโดยเร็วที่สุด และขอให้ฟุตบอลลีกในประเทศได้กลับมาเริ่มการแข่งขัน ก่อนจะถึงวันนั้นเรามาสู้ไปด้วยกันนะครับ”

สำหรับผลงานของ นิชิโนะ คุมทีมชาติไทยชุดใหญ่ดังนี้ คือ ทีมชาติไทย ชุดใหญ่ (คัดบอลโลก) แข่ง 8 นัดชนะ 2 นัด เสมอ 3 นัด แพ้ 3 นัด ยิงได้ 9 ประตู เสีย 9 ประตู,ทีมชาติไทย ชุดใหญ่ (อุ่นเครื่องฟีฟ่าเดย์) แข่ง 2 นัด เสมอ2 นัด ยิงได้ 3 ประตู เสีย 3 ประตู /ทีมชาติไทย ยู-23(ซีเกมส์) แข่ง 5 นัด ชนะ 3 นัด เสมอ 1 นัด แพ้ 1 นัด ยิงได้14 ประตู เสีย 4 ประตู ทีมชาติไทย ยู-23 (คัดโอลิมปิก)แข่ง 4 นัด ชนะ 1 นัด เสมอ 1 นัด แพ้ 2 นัด ยิงได้ 7 ประตูเสีย 4 ประตู

Football Sponsored
ฟุตบอล

ฟุตบอลเป็นกีฬาที่นิยมเล่นมากที่สุดในประเทศไทย โดยเริ่มเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2440 และฟุตบอลทีมชาติไทยได้ร่วมเป็นสมาชิกฟีฟ่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2468 นับว่าเป็นประเทศแรกของโซนเอเชียที่เป็นสมาชิกฟีฟ่า แต่เป็นทีมที่ในอดีตไม่ประสบความสำเร็จในระดับไหนเลย แต่ได้เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพเอเชียนคัพ 2007 ในอดีตประเทศไทยไม่ค่อยสนับสนุนนักฟุตบอลอาชีพนัก นักเตะจึงนิยมไปค้าแข้งกับประเทศอื่นที่มีการสนับสนุนดีกว่า แต่หลังจากปี พ.ศ. 2552 ฟุตบอลอาชีพไทยเริ่มตื่นตัว เนื่องจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียตั้งกฎข้อบังคับให้แต่ละสโมสรจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่มีสโมสรองค์กร รัฐวิสาหกิจ ปรับตัวไม่ได้ จึงต้องมีการยุบทีมทิ้ง หรือขายทีมไป หลังจากไทยพรีเมียร์ลีก 2552 เริ่มขึ้น แฟนบอลเริ่มเข้ามาชมเกมส์ในสนามมากขึ้น เงินเดือนนักเตะสูงขึ้น การจัดการของแต่ละสโมสรดีขึ้น ลีกไทยค่อย ๆ พัฒนาเป็นระดับ ส่งผลทำให้นักฟุตบอลที่เคยไปค้าแข้งต่างแดนกลับมายังประเทศไทย เนื่องจากค่าตอบแทนไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ผลงานทีมชาติกลับสวนทางเพราะว่าต้องใช้เวลาปรับตัว เนื่องจากยุคที่ลีกบ้านเรายังไม่เจริญนักฟุตบอลมีเวลาเตรียมทีมเยอะ แต่ปัจจุบันแทบจะไม่ค่อยมีเวลาเพราะสโมสรเรียกเก็บตัวซ้อมเพื่อการแข่งขัน นักเตะจึงต้องใช้เวลาปรับตัว แต่ถือว่าฟุตบอลของประเทศไทยพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพราะหลังจากนั้นเพียง 2 ปี แฟนบอลหันมาเชียร์ทีมในจังหวัดตัวเองมากขึ้น ทีมกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ส่งผลทำให้เกิดท้องถิ่นนิยม จึงเป็นที่มาที่แฟนบอลไทยเข้าไปชมเกมฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 และดิวิชั่น 2 มากขึ้นนั่นเอง

This website uses cookies.