Football Sponsored

“นัมเบอร์ส” ออฟ “ยูโร 2020” – ไทยรัฐ

Football Sponsored
Football Sponsored

“ยูโร 2020” ปิดฉากไปเกือบ 1 สัปดาห์แล้ว เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งทัวร์นาเมนต์ที่มีความสนุกถูกใจแฟนบอลไม่ว่าจะเป็นเกมการแข่งขันที่เล่นกันอย่างสนุก, การพลิกล็อกทีมเล็กล้มทีมใหญ่ หรือมีเหตุการณ์ชวนเกือบได้เศร้าอย่างกรณีคริสเตียน อีริคเซน กองกลางเดนมาร์ก เรียกได้ว่าเป็น “ยูโร” ที่ครบเครื่องจริง

วันนี้ทาง “มะระหวาน” จะส่งท้าย “ยูโร” ครั้งนี้ด้วยการนำตัวเลขที่น่าสนใจใน “ยูโร 2020” มาเขียนให้ท่านผู้อ่านได้รับทราบกันก็มีเรื่องที่น่าสนใจอยู่มากเลยทีเดียว

1 : เอ็นริโกและเฟเดริโก เคียซา กลายเป็นคู่พ่อลูกคู่แรกที่ยิงได้ในศึกยูโร รอบสุดท้ายหลังปีกจากยูเวนตุสทำประตูได้ในเกมรอบ 16 ทีมสุดท้ายในเกมที่อิตาลีชนะออสเตรีย 2-1 ขณะที่พ่อยิงได้ในยูโร 1996 ในเกมแพ้เช็ก 1-2

4 : เป็นครั้งแรกของอังกฤษที่ยิงประตูได้ถึง 4 ลูกในเกมรอบน็อกเอาต์ในรายการเมเจอร์นับตั้งแต่รอบชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก 1966 หลังจากกดยูเครนไป 4-0 ในเกมรอบ 16 ทีมสุดท้าย

5 : อังกฤษเป็นทีมแรกที่เก็บคลีนชีตได้ 5 นัดนับตั้งแต่สตาร์ตยูโร ขณะที่สเปนเป็นทีมแรกที่ยิงคู่ต่อสู้ได้ถึง 5 เม็ดในรอบสุดท้ายหลังจากกดสโลวะเกียไปยับเยิน 5-0

8 : ชัยชนะของในเกม สเปนชนะโครเอเชีย เป็นเกมแรกในศึกยูโรที่มีคนยิงประตูได้ต่างคนถึง 8 คน ขณะเดียวกันเกมดังกล่าวเป็นเกมที่เป็นคู่ที่ยิงประตูรวดได้เป็นอันดับ 2 ในประวัติศาสตร์ยูโร

9 : พาทริก ชิก กองหน้าเช็ก เป็นผู้เล่นคนที่ 9 ในประวัติศาสตร์ยูโรที่ยิงได้ 5 ประตูในรอบสุดท้าย

13 : สเปนยิงรวม 13 ประตูมากสูงสุดในยูโรรอบสุดท้าย ก่อนหน้านี้พวกเขายิงมากที่สุด 12 ประตูในปี 2008 และ 2012 แต่ในทั้ง 2 ครั้งพวกเขาคว้าแชมป์มาครอง

16 : ฮังการีใช้เวลาเพียงแค่ 16 วินาทียิงประตูที่สองห่างจากประตูแรกในเกมที่เสมอเยอรมนี 2-2 ในเกมรอบแรกนัดสุดท้าย ขณะเดียวกันอังกฤษไม่แพ้ใครในเวมบลีย์มา 16 นัด (ไม่รวมการยิงจุดโทษ)

22 : เป็นครั้งแรกที่คาริม เบนเซมา ยิงให้ทีมชาติฝรั่งเศสแล้วทีมไม่ชนะ หลังก่อนหน้านี้ 22 ครั้งชนะหมด

29 : ชัยชนะของเดนมาร์กเหนือเวลส์ 4-0 ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย เป็นครั้งแรกในรอบน็อกเอาต์ในรอบ 29 ปีนับตั้งแต่พวกเขาผงาดคว้าแชมป์ยูโร ในปี 1992

32 : อิตาลีสร้างสถิติใหม่ของตัวเองด้วยการไม่แพ้ใครมา 32 นัดติดต่อกัน ทำลายสถิติเดิมที่เคยทำไว้ 31 นัด และก็ต่อยอดมาถึงรอบชิงชนะเลิศทำให้ตอนนี้ อิตาลีไม่แพ้ใครมา 34 นัดติดต่อกันแล้ว

36 : จอร์โจ คิเอลลินี กัปตันทีมชาติอิตาลี เป็นกัปตันทีมที่แก่ที่สุดที่คว้าแชมป์ยูโร

53 : อิตาลีคว้าแชมป์เป็นครั้งที่ 2 ต่อจากครั้งแรกห่างกัน 53 ปี

55 : อังกฤษ เข้ารอบชิงชนะเลิศรายการใหญ่เป็นครั้งแรกในรอบ 55 ปี นับตั้งแต่บอลโลกปี 1966

83 : สวิตเซอร์แลนด์ได้รับชัยชนะเป็นครั้งแรกในรอบน็อกเอาต์ นับตั้งแต่ฟุตบอลโลกปี 1938 หลังจากเอาชนะจุดโทษ ฝรั่งเศส ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย สิ้นสุดการรอคอย 83 ปี

109 : ประตูของคริสเตียโน โรนัลโด ที่ยิงได้ในการพบกับฝรั่งเศส ทำให้เจ้าตัวยิงไปทั้งหมด 109 ประตูทำลายสถิติโลกยิงประตูมากที่สุดของอาลี เดอี อดีตกองหน้าทีมชาติอิหร่านที่ทำเอาไว้ 108 ประตู

142 : มี 142 ประตูในศึกยูโร 2020 ซึ่งมากที่สุดของยูโร รอบสุดท้าย โดยมีค่าเฉลี่ย 2.78 ประตูต่อเกม

800 : ฮาริส เซเฟโรวิช กองหน้าทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ ยิงประตูในเกมพบฝรั่งเศส ในรอบ 16 ทีม สุดท้าย เป็นประตูที่ 800 ในเกมศึกยูโร รอบสุดท้าย

นี่คือตัวเลขต่างๆที่น่าสนใจที่เกิดขึ้นในยูโร 2020 รอบสุดท้าย

และในอีก 3 ปีครั้งหน้าในยูโร 2024 ที่ประเทศเยอรมนี เราจะกลับมาสรุปตัวเลขมหัสจรรย์อีกครั้ง!!

มะระหวาน

Football Sponsored
ฟุตบอล

ฟุตบอลเป็นกีฬาที่นิยมเล่นมากที่สุดในประเทศไทย โดยเริ่มเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2440 และฟุตบอลทีมชาติไทยได้ร่วมเป็นสมาชิกฟีฟ่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2468 นับว่าเป็นประเทศแรกของโซนเอเชียที่เป็นสมาชิกฟีฟ่า แต่เป็นทีมที่ในอดีตไม่ประสบความสำเร็จในระดับไหนเลย แต่ได้เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพเอเชียนคัพ 2007 ในอดีตประเทศไทยไม่ค่อยสนับสนุนนักฟุตบอลอาชีพนัก นักเตะจึงนิยมไปค้าแข้งกับประเทศอื่นที่มีการสนับสนุนดีกว่า แต่หลังจากปี พ.ศ. 2552 ฟุตบอลอาชีพไทยเริ่มตื่นตัว เนื่องจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียตั้งกฎข้อบังคับให้แต่ละสโมสรจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่มีสโมสรองค์กร รัฐวิสาหกิจ ปรับตัวไม่ได้ จึงต้องมีการยุบทีมทิ้ง หรือขายทีมไป หลังจากไทยพรีเมียร์ลีก 2552 เริ่มขึ้น แฟนบอลเริ่มเข้ามาชมเกมส์ในสนามมากขึ้น เงินเดือนนักเตะสูงขึ้น การจัดการของแต่ละสโมสรดีขึ้น ลีกไทยค่อย ๆ พัฒนาเป็นระดับ ส่งผลทำให้นักฟุตบอลที่เคยไปค้าแข้งต่างแดนกลับมายังประเทศไทย เนื่องจากค่าตอบแทนไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ผลงานทีมชาติกลับสวนทางเพราะว่าต้องใช้เวลาปรับตัว เนื่องจากยุคที่ลีกบ้านเรายังไม่เจริญนักฟุตบอลมีเวลาเตรียมทีมเยอะ แต่ปัจจุบันแทบจะไม่ค่อยมีเวลาเพราะสโมสรเรียกเก็บตัวซ้อมเพื่อการแข่งขัน นักเตะจึงต้องใช้เวลาปรับตัว แต่ถือว่าฟุตบอลของประเทศไทยพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพราะหลังจากนั้นเพียง 2 ปี แฟนบอลหันมาเชียร์ทีมในจังหวัดตัวเองมากขึ้น ทีมกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ส่งผลทำให้เกิดท้องถิ่นนิยม จึงเป็นที่มาที่แฟนบอลไทยเข้าไปชมเกมฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 และดิวิชั่น 2 มากขึ้นนั่นเอง

This website uses cookies.