Football Sponsored

‘บิ๊กอ๊อด’ยัน’นิชิโนะ’ถึงไทย20ก.ค. ประชุมออนไลน์ทันทีไม่รอพ้นกักตัว – มติชน

Football Sponsored
Football Sponsored

‘บิ๊กอ๊อด’ ยัน ‘นิชิโนะ’ ถึงไทย 20 ก.ค. ประชุมออนไลน์ทันทีไม่รอพ้นกักตัว

ความเคลื่อนไหวของทีม “ช้างศึก” ทีมฟุตบอลทีมชาติไทย หลังจากจบศึกฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบสอง พร้อมกับตกรอบด้วยการเป็นอันดับ 4 ของกลุ่มจี เมื่อกลางเดือนมิถุนายน แต่ว่าอากิระ นิชิโนะ หัวหน้าผู้ฝึกสอนชาวญี่ปุ่น นั้นไม่ได้เดินทางกลับมาพร้อมกับทีม เนื่องจากติดภารกิจกับครอบครัว เรื่องการเสียชีวิตของมารดาตั้งแต่ต้นปี และร่วมพิธีวิ่งคบเพลิงโอลิมปิก ซึ่งมีกำหนดการจะกลับถึงประเทศไทย ในวันที่ 20 กรกฎาคมนี้ ขณะที่ทางสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ได้ตั้ง “โค้ชจุ่น” อนุรักษ์ ศรีเกิด รักษาการหัวหน้าโค้ชไปก่อน

ล่าสุด “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เปิดเผยถึงกำหนดการของนิชิโนะว่า ทางกุนซือชาวซามูไรนั้นไม่ได้แจ้งเปลี่ยนแปลงกำหนดการใดๆ ดังนั้น จะเดินทางมาถึงประเทศไทยตามกำหนดเดิมคือ 20 กรกฎาคม โดยทางสมาคมฯได้ประสานสถานที่กักตัวเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้ว

อย่างไรก็ตาม พล.ต.อ.สมยศกล่าวต่อว่า เมื่อนิชิโนะมาถึงนั้นจะไม่มีการรอให้ครบ 14 วันกักตัว แต่จะเปิดประชุมผ่านทางวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ทันที เนื่องจากว่าหลังจบศึกฟุตบอลโลก รอบคัดเลือกนั้น ยังไม่ได้มีการประชุมหรือพูดคุยกันตามแนวทางการทำงานของสมาคมฯเลย ที่จะต้องประชุมทุกครั้งหลังจบทัวร์นาเมนต์ ซึ่งก็อยากทราบความเห็นของทางโค้ชว่าไปครั้งนี้ ไม่เป็นไปตามเป้าหมายเพราะอะไร เพื่อได้รับทราบจุดบกพร่อง รวมทั้งนำเหตุผลในมุมของโค้ชนำเสนอต่อแฟนบอล สื่อมวลชน

“เราประชุมกับสต๋าฟโค้ชแล้ว ก็ได้ชี้แจงเหตุผลไปแล้ว แต่ยังไม่ได้คุยกับนิชิโนะเลย ก็อยากให้โค้ชใหญ่ได้เสนอมุมมองบ้าง” ประมุขลูกหนังไทยกล่าว

ส่วนเรื่องสัญญาการคุมทีมชาติไทยนั้น บิ๊กอ๊อดเปิดเผยว่า คงต้องมีการคุยกันอย่างแน่นอน เพราะผลงานในศึกคัดฟุตบอลโลก ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย จะมาคุยว่าเอาอย่างไรต่อไป ซึ่งเมื่อนิชิโนะมาถึงไทย ก็จะนัดประชุมทันที จะได้ข้อสรุปภายในเดือนนี้

ทั้งนี้ อากิระ นิชิโนะ เพิ่งต่อสัญญาระยะเวลา 2 ปี ออกไปเมื่อช่วงต้นปี พ.ศ.2563 โดยตามสัญญาจะอยู่กับทีมจนจบศึกฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 12 ทีมสุดท้าย หรือฟุตบอลเอเชี่ยนคัพ 2023 รอบคัดเลือก

Football Sponsored
ฟุตบอล

ฟุตบอลเป็นกีฬาที่นิยมเล่นมากที่สุดในประเทศไทย โดยเริ่มเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2440 และฟุตบอลทีมชาติไทยได้ร่วมเป็นสมาชิกฟีฟ่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2468 นับว่าเป็นประเทศแรกของโซนเอเชียที่เป็นสมาชิกฟีฟ่า แต่เป็นทีมที่ในอดีตไม่ประสบความสำเร็จในระดับไหนเลย แต่ได้เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพเอเชียนคัพ 2007 ในอดีตประเทศไทยไม่ค่อยสนับสนุนนักฟุตบอลอาชีพนัก นักเตะจึงนิยมไปค้าแข้งกับประเทศอื่นที่มีการสนับสนุนดีกว่า แต่หลังจากปี พ.ศ. 2552 ฟุตบอลอาชีพไทยเริ่มตื่นตัว เนื่องจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียตั้งกฎข้อบังคับให้แต่ละสโมสรจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่มีสโมสรองค์กร รัฐวิสาหกิจ ปรับตัวไม่ได้ จึงต้องมีการยุบทีมทิ้ง หรือขายทีมไป หลังจากไทยพรีเมียร์ลีก 2552 เริ่มขึ้น แฟนบอลเริ่มเข้ามาชมเกมส์ในสนามมากขึ้น เงินเดือนนักเตะสูงขึ้น การจัดการของแต่ละสโมสรดีขึ้น ลีกไทยค่อย ๆ พัฒนาเป็นระดับ ส่งผลทำให้นักฟุตบอลที่เคยไปค้าแข้งต่างแดนกลับมายังประเทศไทย เนื่องจากค่าตอบแทนไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ผลงานทีมชาติกลับสวนทางเพราะว่าต้องใช้เวลาปรับตัว เนื่องจากยุคที่ลีกบ้านเรายังไม่เจริญนักฟุตบอลมีเวลาเตรียมทีมเยอะ แต่ปัจจุบันแทบจะไม่ค่อยมีเวลาเพราะสโมสรเรียกเก็บตัวซ้อมเพื่อการแข่งขัน นักเตะจึงต้องใช้เวลาปรับตัว แต่ถือว่าฟุตบอลของประเทศไทยพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพราะหลังจากนั้นเพียง 2 ปี แฟนบอลหันมาเชียร์ทีมในจังหวัดตัวเองมากขึ้น ทีมกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ส่งผลทำให้เกิดท้องถิ่นนิยม จึงเป็นที่มาที่แฟนบอลไทยเข้าไปชมเกมฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 และดิวิชั่น 2 มากขึ้นนั่นเอง

This website uses cookies.