Football Sponsored

ฮังซอไม่หวั่นร่วมกลุ่ม ญี่ปุ่น-ออสซี่ : เวียดนามพร้อมท้าทายทุกทีม – Goal.com

Football Sponsored
Football Sponsored

เฮดโค้ชจอมแท็คติกของเวียดนาม มองว่าการได้ร่วมกลุ่มกับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งในศึกคัดบอลโลก 2022 ถือเป็นความท้าทายของทีม

ปาร์ค ฮัง ซอ กุนซือทีมชาติเวียดนาม มองแง่ดีว่าการได้ร่วมกลุ่มกับทีมยักษ์ใหญ่เอเชียในศึกฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก รอบ 12 ทีมสุดท้าย ถือเป็นความท้าทายของตัวเองและลูกทีม

ทัพดาวทองคว้าสิทธิ์เข้ามาเล่นในศึกฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก รอบ 3 ในฐานะทีมอันดับ 2 ที่ดีที่สุด ซึ่งถือเป็นการผ่านเข้ามาเล่นในรอบนี้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ฟุตบอลเวียดนาม โดยถูกจับสลากให้อยู่ในกลุ่ม B ร่วมกับทีมหัวแถวของเอเชียอย่าง ญี่ปุ่น, ออสเตรเลีย, ซาอุดิอาระเบีย, จีน และ โอมาน

“นี่เป็นครั้งแรกที่เวียดนามได้เข้าแข่งขันในศึกฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 3” ปาร์ค ฮัง ซอ เผยกับ VFF

Editor Picks

  • โปรแกรมถ่ายทอดสดฟุตบอล – ดูบอลสดคืนนี้ (พรีเมียร์ลีก, ไทยลีก, ลาลีกา, บุนเดสลีกา, แชมเปี้ยนส์ลีก, ฯลฯ)
  • 20 อันดับดาวซัลโวทีมชาติสูงสุดตลอดกาล : โรนัลโด้ยิงทาบดาอีแล้ว
  • IN NUMBERS : คริสเตียโน โรนัลโด้ ยิงได้กี่ประตูในชีวิตค้าแข้ง?
  • IN NUMBERS : ลิโอเนล เมสซี ยิงได้กี่ประตูในชีวิตค้าแข้ง?

“พวกเราจะเตรียมตัวให้พร้อมที่สุดสำหรับการลงเล่นในแต่ละนัด และพร้อมที่จะรับมือกับความท้าทายในการแข่งขันทุกระดับ”

“สิ่งสำคัญที่นำพาเราไปสู่ความสำเร็จในช่วงหลายปีที่ผ่านมา คือ จิตวิญญาณของความเป็นหนึ่งเดียวกัน ความมุ่งมั่นที่จะต่อสู้ ยิ่งคู่ต่อสู้แข็งแกร่ง นักเตะของเราก็จะมีกำลังใจมากขึ้น ผมหวังว่านักเตะของเราทุกคนจะยังเป็นแบบนั้นเมื่อเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่ในรอบนี้”

กุนซือชาวเกาหลีใต้กล่าวถึงการอยู่ร่วมกลุ่มกับทีมยักษ์ใหญ่ระดับเอเชียว่า “ในความเห็นของผม นี่จะเป็นโอกาสที่ดีสำหรับทีมชาติเวียดนามในการเรียนรู้และปรับปรุงทีมให้ดีขึ้น”

สำหรับ ศึกฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 3 จะเริ่มทำการแข่งขันตั้งแต่เดือนกันยายน ปี 2021 ถึงเดือนมีนาคม ปี 2022 โดยทีมที่ได้อันดับ 1 และอันดับ 2 ของแต่ละกลุ่มจะได้ไปเล่นในศึกฟุตบอลโลก 2022 รอบสุดท้ายที่ ประเทศกาตาร์ ส่วนทีมที่ได้อันดับ 3 จะไปเตะในรอบเพลย์ออฟกับโซนอื่นต่อไป

Football Sponsored
ฟุตบอล

ฟุตบอลเป็นกีฬาที่นิยมเล่นมากที่สุดในประเทศไทย โดยเริ่มเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2440 และฟุตบอลทีมชาติไทยได้ร่วมเป็นสมาชิกฟีฟ่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2468 นับว่าเป็นประเทศแรกของโซนเอเชียที่เป็นสมาชิกฟีฟ่า แต่เป็นทีมที่ในอดีตไม่ประสบความสำเร็จในระดับไหนเลย แต่ได้เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพเอเชียนคัพ 2007 ในอดีตประเทศไทยไม่ค่อยสนับสนุนนักฟุตบอลอาชีพนัก นักเตะจึงนิยมไปค้าแข้งกับประเทศอื่นที่มีการสนับสนุนดีกว่า แต่หลังจากปี พ.ศ. 2552 ฟุตบอลอาชีพไทยเริ่มตื่นตัว เนื่องจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียตั้งกฎข้อบังคับให้แต่ละสโมสรจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่มีสโมสรองค์กร รัฐวิสาหกิจ ปรับตัวไม่ได้ จึงต้องมีการยุบทีมทิ้ง หรือขายทีมไป หลังจากไทยพรีเมียร์ลีก 2552 เริ่มขึ้น แฟนบอลเริ่มเข้ามาชมเกมส์ในสนามมากขึ้น เงินเดือนนักเตะสูงขึ้น การจัดการของแต่ละสโมสรดีขึ้น ลีกไทยค่อย ๆ พัฒนาเป็นระดับ ส่งผลทำให้นักฟุตบอลที่เคยไปค้าแข้งต่างแดนกลับมายังประเทศไทย เนื่องจากค่าตอบแทนไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ผลงานทีมชาติกลับสวนทางเพราะว่าต้องใช้เวลาปรับตัว เนื่องจากยุคที่ลีกบ้านเรายังไม่เจริญนักฟุตบอลมีเวลาเตรียมทีมเยอะ แต่ปัจจุบันแทบจะไม่ค่อยมีเวลาเพราะสโมสรเรียกเก็บตัวซ้อมเพื่อการแข่งขัน นักเตะจึงต้องใช้เวลาปรับตัว แต่ถือว่าฟุตบอลของประเทศไทยพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพราะหลังจากนั้นเพียง 2 ปี แฟนบอลหันมาเชียร์ทีมในจังหวัดตัวเองมากขึ้น ทีมกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ส่งผลทำให้เกิดท้องถิ่นนิยม จึงเป็นที่มาที่แฟนบอลไทยเข้าไปชมเกมฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 และดิวิชั่น 2 มากขึ้นนั่นเอง

This website uses cookies.