Football Sponsored

เทียบค่าพลัง ยูเออี – ไทย ใครแกร่งกว่าใคร ก่อนชี้ชะตาศึกคัดบอลโลก – ไทยรัฐ

Football Sponsored
Football Sponsored

ก่อนที่เกมระหว่างทีมชาติยูเออี ที่จะลงสนามเจอกับ ทีมชาติไทย ซึ่งเกมนี้ ถือเป็นเกมที่จะชี้ชะตา ว่าทีมชาติไทยจะได้ไปต่อหรือไม่ในศึกฟุตบอลโลก 2022 โซนเอเชีย รอบ 12 ทีมสุดท้าย

และก่อนที่เกมนัดนี้ลงสนามในเวลา 23.45 น. ตามเวลาไทย นี่คือค่าพลังจากการคาดการณ์ของไทยรัฐสปอร์ต

เกมรุก
ทีมชาติยูเออี มีเกมรุกที่ดีมากๆ โดยเฉพาะฟอร์มปัจจุบันของอาลี มับคูต ที่ขึ้นแท่นดาวซัลโวทีมชาติอันดับ 2 ของโลก รวมถึงผู้เล่นโอนสัญชาติอีกหลายตำแหน่ง ทำให้เกมรุกดูดุดันขึ้นมาทันที

ส่วนไทย แม้จะขาดธีรศิลป์ แดงดา ในเกมรุก แต่ผู้เล่นคนอื่นๆ ถือว่าสามารถจบสกอร์ได้ดี อย่างอดิศักดิ์ ไกรษร หรือ ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา , สุภโชค สารชาติ ที่สามารถจบสกอร์ได้เช่นกัน

พลังเกมรุก ยูเออี. 9. : ไทย 8

——-
เกมรับ
ทีมชาติไทย ถือว่ามีปัญหาเกมรับอย่างชัดเจนในตอนนี้ จากการเสีย 2 ประตู แบบไม่ควรเสียกับยูเออี ซึ่งต้องอาศัยการปรับจูนพอควร

ส่วนยูเออี แม้ในช่วงก่อนหน้านี้จะมีปัญหาเกมรับพอควร แต่ก็สามารถปรับจูนให้ดีขึ้นเรื่อยๆ

พลังเกมรับ. ยูเออี 8 : ไทย 6.5

———
ความแข็งแกร่ง
เทียบความแข็งแกร่งในเรื่องตัวผู้เล่น ยูเออี ดูจะเป็นต่อทีมไทย ด้วยรูปร่าง และมีการฝึกซ้อมด้วยกัน,เก็บตัวมานานและต่อเนื่อง ส่วนไทยเอง ด้วยรูปร่างเป็นรองพอสมควร และไม่ได้ซ้อมอย่างต่อเนื่อง

ความแข็งแกร่ง ยูเออี 90 : ไทย 75

———
ฟอร์มการเล่น
ผลงานระยะหลังของยูเออี ปรับจูนกันได้ลงตัวมากยิ่งขึ้น และถล่มคู่แข่งมาต่อเนื่อง

ส่วนไทย เกมแรกหลังกลับมาแข่งขัน ยังติดขัดพอสมควร ถ้าวัดถึงตรงนี้ถือว่าไทยเป็นรอง

ฟอร์มการเล่น  ยูเออี 90 : ไทย 65

——
แท็กติก
อากิระ นิชิโนะ มีสไตล์การทำทีมเน้นเกมรุก แต่ก็เสียประตูง่าย ส่วน เบิร์ด ฟาน มาร์ไวค์ เริ่มปรับจูนทีมได้ดีขึ้นเรื่อยๆ ถ้ามองถึงตรงนี้ แท็กติดอาจจะดูใกล้เคียง ต้องวัดกันที่การเจอกัน

แท็กติก ยูเออี 75 : ไทย 75
———
ขวัญกำลังใจ
จากการทำได้เพียงแค่เสมอ ทำให้ไทยเสียขวัญไปพอสมควร เพราะทำไม่ได้ตามเป้า และบีบบังคับให้เกมนี้ต้องชนะเท่านั้น

Football Sponsored
ฟุตบอล

ฟุตบอลเป็นกีฬาที่นิยมเล่นมากที่สุดในประเทศไทย โดยเริ่มเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2440 และฟุตบอลทีมชาติไทยได้ร่วมเป็นสมาชิกฟีฟ่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2468 นับว่าเป็นประเทศแรกของโซนเอเชียที่เป็นสมาชิกฟีฟ่า แต่เป็นทีมที่ในอดีตไม่ประสบความสำเร็จในระดับไหนเลย แต่ได้เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพเอเชียนคัพ 2007 ในอดีตประเทศไทยไม่ค่อยสนับสนุนนักฟุตบอลอาชีพนัก นักเตะจึงนิยมไปค้าแข้งกับประเทศอื่นที่มีการสนับสนุนดีกว่า แต่หลังจากปี พ.ศ. 2552 ฟุตบอลอาชีพไทยเริ่มตื่นตัว เนื่องจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียตั้งกฎข้อบังคับให้แต่ละสโมสรจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่มีสโมสรองค์กร รัฐวิสาหกิจ ปรับตัวไม่ได้ จึงต้องมีการยุบทีมทิ้ง หรือขายทีมไป หลังจากไทยพรีเมียร์ลีก 2552 เริ่มขึ้น แฟนบอลเริ่มเข้ามาชมเกมส์ในสนามมากขึ้น เงินเดือนนักเตะสูงขึ้น การจัดการของแต่ละสโมสรดีขึ้น ลีกไทยค่อย ๆ พัฒนาเป็นระดับ ส่งผลทำให้นักฟุตบอลที่เคยไปค้าแข้งต่างแดนกลับมายังประเทศไทย เนื่องจากค่าตอบแทนไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ผลงานทีมชาติกลับสวนทางเพราะว่าต้องใช้เวลาปรับตัว เนื่องจากยุคที่ลีกบ้านเรายังไม่เจริญนักฟุตบอลมีเวลาเตรียมทีมเยอะ แต่ปัจจุบันแทบจะไม่ค่อยมีเวลาเพราะสโมสรเรียกเก็บตัวซ้อมเพื่อการแข่งขัน นักเตะจึงต้องใช้เวลาปรับตัว แต่ถือว่าฟุตบอลของประเทศไทยพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพราะหลังจากนั้นเพียง 2 ปี แฟนบอลหันมาเชียร์ทีมในจังหวัดตัวเองมากขึ้น ทีมกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ส่งผลทำให้เกิดท้องถิ่นนิยม จึงเป็นที่มาที่แฟนบอลไทยเข้าไปชมเกมฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 และดิวิชั่น 2 มากขึ้นนั่นเอง

This website uses cookies.