Football Sponsored

บราซิลวาง”เนย์มาร์”อัดปารากวัย,อาร์เจนตินาขนแนวรุกฉะโคลอมเบีย คัดบอลโลก – สยามกีฬา

Football Sponsored
Football Sponsored

“แซมบ้า” บราซิล จ่าฝูงในตารางตอนนี้ สถานการณ์ถือว่าสบายใจได้พอตัว เกมนี้มี เนย์มาร์ รอซัด ปารากวัย ที่หวังชนะขึ้นที่ 3 ขณะที่ “ฟ้าขาว” อาร์เจนตินา มีแนวรุกทั้ง “เมสซี่-อเกวโร่” ท้าลุย โคลอมเบีย ในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก โซนอเมริกาใต้ คืนวันอังคารที่ 8 มิถุนายน 2564 (ช่วงเช้าวันพุธ)

ฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก โซนอเมริกาใต้
วันอังคารที่ 8 มิถุนายน 2564
โคลอมเบีย (6) – อาร์เจนตินา (2)
เวลา 06.00 น. (เช้าวันพุธ)

สนาม : เอสตาดิโอ โรแบร์โต้ เมเลนเดซ

    โคลอมเบีย ปลดล็อกคว้าชัยได้เป็นเกมแรกในรอบ 4 เกมหลังบุกไปถล่ม เปรู 3-0 ในศึกฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก นัดล่าสุด ทำให้ทีมรั้งอันดับที่ 6 ของตารางคะแนนในเวลานี้ 

    ความพร้อมในเกมนี้ ไรนัลโด้ รูเอด้า เทรนเนอร์ของทีม ยังคงไม่สามารถใช้งาน ฮาเมส โรดริเกซ และ ซานติอาโก้ อริอาส ที่มีปัญหาอาการบาดเจ็บรบกวน รวมไปถึง ฮวน เฟอร์นันโด ควินเตโร และ อัลเฟรโด้ โมเรลอส ที่ติดเชื้อโควิด-19 นอกจากนี้ ดาเนี่ยล มูนญอซ ติดโทษแบนหลังโดนใบแดงในเกมกับ เปรู 

    ส่วนการจัดทัพคาดว่า นายใหญ่ชาวโคลอมเบีย จะยึดมั่นในระบบ 4-4-2 ต่อไป โดยที่ หลุยส์ มูเรียล และ ดูวาน ซาปาต้า จะปักหลักล่าตาข่ายให้กับทีมต่อไป พร้อมกับมี หลุยส์ ดิอาซ และ ฮวน กวาดราโด้ ประจำการพื้นที่ริมเส้นซ้าย-ขวาตามลำดับ ขณะที่ มาเตอุส อูริเบ้ ที่ยิงได้ 1 ประตูในเกมล่าสุดจะได้เดินเกมในแดนกลางร่วมกับ กุสตาโบ กวยยาร์ เช่นเดิม 

    อาร์เจนติน่า ชนะได้เพียงแค่เกมเดียวจาก 3 นัดก่อนหน้านี้หลังเปิดบ้านเสมอกับ ชิลี 1-1 ในศึกฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก นัดล่าสุด ทำให้ทีมรั้งอันดับที่ 2 ของตารางคะแนนในเวลานี้ 

    สภาพทีมในเกมนี้ ลิโอเนล สกาโลนี่ เทรนเนอร์ของทีม ไม่มีปัญหาผู้เล่นโดนอาการบาดเจ็บรบกวนหรือติดโทษแบน แถมจะได้ตัว นิโกลัส โอตาเมนดี้ พ้นโทษแบนกลับมาช่วยทีมอีกครั้ง เป็นเหตุให้ สกาโลนี่ พร้อมที่จะจัดผู้เล่นชุดที่ดีที่สุดลงสนาม 

    ส่วนการจัดทัพคาดว่า นายใหญ่ชาวอาร์เจนติน่า จะปรับมาใช้ระบบ 4-4-2 โดยที่ เซร์คิโอ อเกวโร่ จะได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงแทนที่ของ เลาตาโร่ มาร์ติเนซ และผนึกกำลังร่วมกับ ลิโอเนล เมสซี่ ในแดนหน้า พร้อมกับมี อังเคล กอร์เรอา และ อังเคล ดิ มาเรีย ปั้นเกมริมเส้นขวา-ซ้ายตามลำดับ ขณะที่คู่เซนเตอร์แบ็ก โอตาเมนดี้ จะคืนตำแหน่งตัวจริงและประสานงานร่วมกับ ลูคัส มาร์ติเนซ ควอร์ต้า ทำให้ คริสเตียน โรเมโร่ จะตกเป็นเพียงตัวสำรอง 

รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม 

โคลอมเบีย (4-4-2) : ดาวิด ออสปิน่า – สเตฟาน เมดิน่า, เยอร์รี่ มีน่า, ดาวินซอน ซานเชซ, วิลเลี่ยม เตลซิโญ่ – ฮวน กวาดราโด้, กุสตาโบ กวยยาร์, มาเตอุส อูริเบ้, หลุยส์ ดิอาซ – หลุยส์ มูเรียล, ดูวาน ซาปาต้า

อาร์เจนติน่า (4-4-2) : เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ – ฮวน ฟอยธ์, นิโกลัส โอตาเมนดี้, ลูคัส มาร์ติเนซ ควอร์ต้า, นิโกลัส ตาญาฟิโก้ – อังเคล กอร์เรอา, เลอันโดร ปาเรเดส, โรดริโก้ เด ปอล, อังเคล ดิ มาเรีย – ลิโอเนล เมสซี่, เซร์คิโอ อเกวโร่

——————————————

ปารากวัย (4) – บราซิล (1)
เวลา 07.30 น. (เช้าวันพุธ)

สนาม : เอสตาดิโอ เดเฟนโซเรส เดล ชาโก้

    ปารากวัย สะดุดเจ๊ามา 3 เกมติดต่อกันหลังออกไปเสมอกับ อุรุกวัย 0-0 ในศึกฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก นัดล่าสุด ทำให้ทีมรั้งอันดับที่ 4 ของตารางคะแนนในเวลานี้ 

    ความพร้อมในเกมนี้ เอดูอาร์โด้ เบริซโซ่ เทรนเนอร์ของทีม ไม่มีปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บเพิ่มเติมจากเกมกับ จอมโหด 

    ส่วนการจัดทัพคาดว่า นายใหญ่ชาวอาร์เจนติน่า จะยึดมั่นในระบบ 4-3-3 และคงจะใช้ผู้เล่นชุดเดิมลงสนามเผชิญหน้ากับ เซเลเซา โดยที่ อังเกล โรเมโร่ ที่ยิงไปแล้ว 4 ประตูในรายการนี้จะได้ลงทะลวงประตูอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับมี ออสการ์ โรเมโร่ และ มิเกล อัลมิร่อน ดาวเตะ นิวคาสเซิ่ล คอยปั้นเกมด้านข้าง

    บราซิล ชนะมา 6 เกมติดต่อกันรวมทุกรายการหลังเปิดบ้านเชือด เอกวาดอร์ 2-0 ในศึกฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก นัดล่าสุด ทำให้ทีมรั้งจ่าฝูงของตารางคะแนนในเวลานี้
 
    สภาพทีมในเกมนี้ นายใหญ่ชาวบราซิล จะยึดมั่นในระบบ 4-3-3 ต่อไป โดยที่ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ น่าจะได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงในตำแหน่งกองหน้าตัวเป้าแทนที่ของ กาเบรียล บาร์โบซ่า ที่ทำผลงานได้น่าผิดหวังในเกมกับ เอกวาดอร์ พร้อมกับมี กาเบรียล เชซุส เป็นตัวสอดแทรกด้วยเช่นกัน 

    ขณะที่ริมเส้นซ้าย-ขวาเป็นหน้าที่ของ เนย์มาร์ และ ริชาร์ลิซอน ตามลำดับ ด้านแผงกองกลาง ดั๊กลาส ลุยซ์ น่าจะได้รับโอกาสลงเล่นแทนที่ของ เฟร็ด และประสานงานกับ คาเซมิโร่ และ ลูคัส ปาเกต้า 

รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม 

ปารากวัย (4-3-3) : อันโตนี่ ซิลวา – โรเบิร์ต โรฮาส, กุสตาโว โกเมซ, ฟาเบียน บัลบูเอนา, โอมาร์ อัลเดเรเต้ – กัสตัน ฆิเมเนซ, อังเคล การ์โดโซ่, มาติอัส บิยาซันติ – ออสการ์ โรเมโร่, อังเกล โรเมโร่, มิเกล อัลมิร่อน

บราซิล (4-3-3) : อลีสซง เบ็คเกอร์ – ดานิโล่, เอแดร์ มิลิเตา, มาร์กินญอส, อเล็กซ์ ซานโดร – คาเซมิโร่, ดั๊กลาส ลุยซ์, ลูคัส ปาเกต้า – ริชาร์ลิซอน, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ (กาเบรียล เชซุส), เนย์มาร์

อีกหนึ่งช่องทางในการติดตามข่าวสาร
Add friend ที่ @Siamsport
Football Sponsored
ฟุตบอล

ฟุตบอลเป็นกีฬาที่นิยมเล่นมากที่สุดในประเทศไทย โดยเริ่มเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2440 และฟุตบอลทีมชาติไทยได้ร่วมเป็นสมาชิกฟีฟ่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2468 นับว่าเป็นประเทศแรกของโซนเอเชียที่เป็นสมาชิกฟีฟ่า แต่เป็นทีมที่ในอดีตไม่ประสบความสำเร็จในระดับไหนเลย แต่ได้เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพเอเชียนคัพ 2007 ในอดีตประเทศไทยไม่ค่อยสนับสนุนนักฟุตบอลอาชีพนัก นักเตะจึงนิยมไปค้าแข้งกับประเทศอื่นที่มีการสนับสนุนดีกว่า แต่หลังจากปี พ.ศ. 2552 ฟุตบอลอาชีพไทยเริ่มตื่นตัว เนื่องจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียตั้งกฎข้อบังคับให้แต่ละสโมสรจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่มีสโมสรองค์กร รัฐวิสาหกิจ ปรับตัวไม่ได้ จึงต้องมีการยุบทีมทิ้ง หรือขายทีมไป หลังจากไทยพรีเมียร์ลีก 2552 เริ่มขึ้น แฟนบอลเริ่มเข้ามาชมเกมส์ในสนามมากขึ้น เงินเดือนนักเตะสูงขึ้น การจัดการของแต่ละสโมสรดีขึ้น ลีกไทยค่อย ๆ พัฒนาเป็นระดับ ส่งผลทำให้นักฟุตบอลที่เคยไปค้าแข้งต่างแดนกลับมายังประเทศไทย เนื่องจากค่าตอบแทนไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ผลงานทีมชาติกลับสวนทางเพราะว่าต้องใช้เวลาปรับตัว เนื่องจากยุคที่ลีกบ้านเรายังไม่เจริญนักฟุตบอลมีเวลาเตรียมทีมเยอะ แต่ปัจจุบันแทบจะไม่ค่อยมีเวลาเพราะสโมสรเรียกเก็บตัวซ้อมเพื่อการแข่งขัน นักเตะจึงต้องใช้เวลาปรับตัว แต่ถือว่าฟุตบอลของประเทศไทยพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพราะหลังจากนั้นเพียง 2 ปี แฟนบอลหันมาเชียร์ทีมในจังหวัดตัวเองมากขึ้น ทีมกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ส่งผลทำให้เกิดท้องถิ่นนิยม จึงเป็นที่มาที่แฟนบอลไทยเข้าไปชมเกมฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 และดิวิชั่น 2 มากขึ้นนั่นเอง

This website uses cookies.