ช้างศึกกับความหวังเข้ารอบคัดบอลโลก – หนังสือพิมพ์แนวหน้า

ผิดหวังไปตามๆ กัน เมื่อทัพ “ช้างศึก” ทีมชาติไทยชุดใหญ่กลับมาลงสนามอย่างเป็นทางการอีกครั้งในรอบ 562 วัน ในศึก ฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก กลุ่ม จี หลังทำได้เพียงเสมอกับ “อิเหนา” ทีมชาติ อินโดนีเซีย ทีมบ๊วยของกลุ่มด้วยสกอร์ 2-2 ที่สนามอัล มัคตูม สเตเดี้ยม ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

อันที่จริงโปรแกรมสำคัญ 2 จาก 3 นัดสุดท้าย คือเกมดวล อินโดนีเซีย และอีกเกมคือนัดสุดท้ายที่จะพบกับ มาเลเซีย นั้นต้องมาเตะที่ ราชมังคลากีฬาสถานบ้านเรา แต่จากสถานการณ์โควิด-19 ที่ย่ำแย่ ทำให้ ต้องโยกไปเตะที่ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เนื่องจากเอเอฟซี มองว่าเป็นชาติที่จัดการเรื่องวัคซีนได้ดีที่สุด ทำให้ไทย นั้นเจอสถานการณ์หนักอึ้งกว่าเดิมตั้งแต่เริ่มแข่งขัน

ก่อนที่จะดวลทัพ “อิเหนา” ไทย มีโปรแกรมอุ่นเครื่อง 3 นัด ที่แข่งแบบลับ ลวง พราง สุดๆ เพราะไม่มีการถ่ายทอดสดให้ได้ติดตามชม ปรากฏว่าผลงานไม่ดีเอาซะเลย เริ่มจากแพ้ โอมาน 0-1 , เสมอ ทาจิกิสถาน 2-2 และแพ้ อุซเบกิสถาน 1-4 นั่นทำให้น่าสนใจว่า อากิระ นิชิโนะ กุนซือแดนอาทิตย์อุทัย จะจัดทีมแบบไหนลงสนาม

11 ตัวจริงมาแบบผิดคาด

นัดที่เจอ อินโดนีเซีย รายชื่อ 11 ตัวจริงที่ออกมาถือว่าน่าสนใจไม่น้อย เพราะตำแหน่งแบ๊กซ้ายที่ ธีราทร บุญมาทัน ทิ้งรอยรั่วเอาไว้นั้น นิชิโนะ เลือกใช้งาน เออร์เนสโต้ ภูมิภา แข้งป้ายแดงของ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด เป็นตัวจริง และเลือกดร็อป ศศลักษณ์ ไหประโคน เป็นสำรอง ส่วนแนวรุก ที่ไม่มี ชนาธิป สรงกระสินธ์ เป็นจอมทัพ ก็ใช้งาน ธนวัฒน์ ซึ้งจิตถาวร มิดฟิลด์วัย 21 ปี จาก เลสเตอร์ลงสนามเป็นตัวจริงทันที พร้อมสวมเบอร์ 10 ด้วย

ขณะที่ 3 แนวรุก ปรากฏว่า เอกนิษฐ์ ปัญญา ที่ฟอร์มดร็อปลงไปมากจากอาการบาดเจ็บเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา ยังได้โอกาสเป็นตัวจริง รวมกับ ปฐมพล เจริญรัตนาภิรมย์ และ อดิศักดิ์ ไกรษร ทั้งที่ตอนแรกคาดการณ์ว่า สุภโชค สารชาติ ,เจริญศักดิ์ วงษกรณ์ และ ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา น่าจะมีโอกาสมากกว่า

ทางฝั่ง อินโดนีเซีย ชุดนี้ต้องบอกว่ามาเพื่อเก็บประสบการณ์ หลังจากที่พวกเขานั้นตกรอบแน่นอนแล้ว เนื่องจากไร้แต้มตลอด 5 นัดที่ผ่านมา ซึ่งกุนซือใหม่อย่าง ชิน แต ยัง โค้ชชาวเกาหลีใต้ที่พกพาประสบการณ์คุมทัพ “โสมขาว” ไปศึกฟุตบอลโลก 2018 มาแล้ว ได้ดันแข้งยังบลัดขึ้นมาเพียบ ซึ่งอายุเฉลี่ยอยู่ที่เพียง 22 ปี ส่วนใหญ่เป็นแกนหลักในทีมชุดรองแชมป์ซีเกมส์ 2019 ที่ประเทศฟิลิปปินส์

ฝั่งซ้ายรั่วทั้งแผงคือปัญหาใหญ่

เกมนี้ ไทย นั้นออกสตาร์ทดี เมื่อขึ้นนำตั้งแต่ 5 นาทีแรกจากลูกยิงของ นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม แต่ไปๆ มาๆ เกมสวนกลับของ อินโดนีเซีย แต่ละครั้งกลับสร้างความอันตรายได้ตลอด โดยเฉพาะการเจาะทางฝั่งซ้ายของไทย ที่เห็นได้ชัดว่า เออร์เนสโต้ ภูมิภา นั้นเช็คไลน์พลาดอยู่หลายครั้ง รวมไปถึง เอกนิษฐ์ ปัญญา ที่แทบจะไม่ลงมาช่วยเกมรับเลย และจากความผิดพลาดตรงนี้ในที่สุด
เราก็โดนตีเสมอจนได้ ท่ามกลางความคิดในตอนนั้นว่าครึ่งหลัง นิชิโนะน่าจะเปลี่ยนตัวผู้เล่นแน่นอน จากปัญหาที่เห็นแบบเต็มสองตา โดยเฉพาะอย่างยิ่งคัดบอลโลกหนนี้ สามารถเปลี่ยนตัวผู้เล่นสำรองได้ถึง 5 คนด้วย

แต่เปล่าเลย เริ่มครึ่งหลังมา 11 ตัวจริงยังเป็นชุดเดิม ซึ่งแม้ว่า ไทย จะมาได้ประตูขึ้นนำ 2-1 อีกครั้งตั้งแต่นาที 50 จากลูกโขกของ อดิศักดิ์ ไกรษร แต่แล้วเหมือนเจ็บแล้วไม่จำ เพราะ
รูปเกมยังเข้าอีหรอบเดิมคือ อินโดนีเซีย ที่เจาะจุดอ่อนทางซ้ายของไทย จนมาได้ประตูตีเสมอ 2-2 จากลูกแฉลบที่มาเข้าทางอิวาน ดิมาส ยิงเข้าประตูไป

การเปลี่ยนตัวที่ช้าเกินแกง

แม้ไทยจะครองบอลได้มากกว่าถึง 65 เปอร์เซ็นต์ แต่โอกาสยิงประตูแบบเน้นๆ ในเกมนี้น้อยมาก ยิ่งเมื่อไหร่ก็ตามที่เราโดนตีเสมอ รูปเกมเรากลายเป็นรอง อินโดนีเซีย ทุกครั้ง และกว่าที่ นิชิโนะ จะเริ่มเปลี่ยนตัวผู้เล่นก็ต้องรอไปจนถึงนาทีที่ 68 ที่ส่งเอา ศุภณัฎฐ์ เหมือนตา และ สุภโชค สารชาติ ลงมาแทน ปฐมพล และ เอ-กนิษฐ์ ส่วนฝั่งซ้ายที่เป็นปัญหามาตั้งแต่ต้นเกมอย่างเออร์เนสโต้ นั้น นิชิโนะ เพิ่งคิดได้ ก่อนจะเปลี่ยนตัวออกและให้ศศลักษณ์ ลงมาแทน ก็ปาไปนาที 78 เข้าไปแล้ว และสุดท้ายก็ไม่ทันทำให้ ไทย ทำได้เพียงเสมอ อิเหนาไป 2-2 เก็บได้เพียงคะแนนเดียว รั้งอันดับ 3 ของตาราง โดยมี 9 แต้มเท่ากับ ยูเออี ที่ถล่มเอาชนะ มาเลเซีย ไปถึง 4-0 และยังแข่งน้อยกว่าไทย 1 นัดด้วย

 ธนวัฒน์ อนาคตกับทีมชาติที่น่าจับตา

หากจะหาข้อดีของเกมนี้ได้ซักอย่างก็คือฟอร์มการเล่นของ ดาวเตะลูกครึ่งฝรั่งเศส ที่โชว์ฟอร์มได้โดดเด่นไม่ว่าจะแทงบอลให้เพื่อนได้สวยๆ หลายครั้ง รวมทั้งอัตราการผ่านบอลยังแม่นยำถึง 84% พร้อมด้วยความฟิตที่เกินร้อยตลอด 95 นาที

อย่างไรก็ตาม ยังเห็นได้ชัดว่า เซนต์บอลของเขากับเพื่อนร่วมทีมคนอื่นๆ นั้นยังดูเหลื่อมๆ กันอยู่ ซึ่งคงต้องใช้เวลาปรับตัวอีกสักพักใหญ่ๆ ด้วยการซ้อมร่วมกันให้มากกว่านี้ นอกจากนี้เชื่อว่าหากทีมได้ ชนาธิป สรงกระสินธ์ กลับมาผนึกกำลังกับ “เจ้ากัน” อีกราย การขับเคลื่อนเกมคงจะดีกว่าที่เป็นอยู่แน่แท้

 “นิชิโนะ”รับสุดผิดหวัง

ภายหลังเกม อากิระ นิชิโนะ หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย ยอมรับทีมตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากในการลุ้นเข้ารอบ 12 ทีมสุดท้าย

“พวกเราพยายามทำเต็มที่แล้วตั้งแต่การฝึกซ้อม แต่ไม่สามารถเก็บชัยชนะได้ในเกมนี้ รู้สึกเสียดายมาก ผลเสมอของเราอาจจะทำให้สถานการณ์เข้ารอบ 12 ทีมสุดท้ายยากขึ้น แต่ไม่ได้แปลว่าจะไม่ได้เล่นเกมต่อไป อยากให้ทุกคนกลับมาตั้งใจกันใหม่”

“ผมคิดว่าถ้าเราได้เล่นที่สนามของเรา พวกเราอาจจะมีผลการแข่งขันที่ดีกว่านี้ แต่การมาเล่นที่นี่ (ยูเออี) ก็ทำให้ทีมเราไม่สามารถแสดงศักยภาพออกมาได้ดีเท่ากับการได้เล่นในบ้าน มันก็เป็นการบ้านของทีม แต่ทุกคนทำเต็มที่ที่สุดแล้ว เพิ่งรู้ว่ายูเออีเป็นฝ่ายชนะมาเลเซียในเกมวันนี้ แต่พวกเรามุ่งมั่นและโฟกัสแค่งานของเรา และจะทำให้เต็มที่ที่สุด”

เฮดโค้ชทัพช้างศึกเผยถึงคู่แข่งอย่างอินโดนีเซียว่า “นี่คือความท้าทายใหม่ของอินโดนีเซีย ที่พวกเขาตั้งใจมาสู้กับเรา ทั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงทีมมากมายทั้งโค้ชและนักเตะ” นิชิโนะ ปิดท้าย

โอกาสลุ้นเข้ารอบ 12 ทีมสุดท้ายเวลานี้

จากการที่ทีมชาติเกาหลีเหนือถอนทีมคัดบอลโลกหนนี้ เนื่องจากวิตกกังวลเรื่องเชื้อโควิด-19 ทำให้การคิดคะแนนเข้ารอบอันดับ 1 ของแต่ละกลุ่ม จะยังไม่มีปัญหาและนับแต้มจากการแข่งขันทุกนัดที่เกิดขึ้น

แต่ทีมอันดับสองของทุกกลุ่มจะตัดผลงานการเจอทีมบ๊วยของกลุ่มออกไปเพื่อให้เหลือ 4 ทีม เท่ากับ กลุ่ม H ของ เกาหลีเหนือ ที่มีทีมอย่าง เกาหลีใต้, เติร์กเมนิสถาน, เลบานอนและ ศรีลังกา ซึ่งทีมอันดับ 2 ที่ดีที่สุด 4 จากทั้งหมด 8 กลุ่ม จะได้ผ่านเข้ารอบ 12 ทีมสุดท้ายต่อไป

โดยสถานการณ์เวลานี้ในกลุ่ม G เวียดนาม ยังคงรั้งจ่าฝูงด้วยการมี 11 คะแนน ตามมาด้วย ยูเออี มี 9 คะแนน ซึ่งสองทีมนี้แข่งไปเพียง 5 นัดเท่านั้น ส่วน ไทย ลงเล่นมาแล้ว 6 นัดอยู่อันดับ 3 มี 9 คะแนนเท่ากับ มาเลเซีย ทำให้โอกาสที่ ไทย จะเข้ารอบเป็นที่ 1 ของสาย นั้นแทบไม่มีทางแล้ว

ส่วนการเข้ารอบเป็นอันดับ 2 ของกลุ่ม ไทย จำเป็นต้องเอาชนะให้ได้ทั้งสองนัดที่เหลืออยู่ เริ่มจากเกมที่ดวลกับ ยูเออีวันจันทร์นี้ ต่อด้วยเอาชนะ มาเลเซีย ในนัดสุดท้าย ซึ่งหากทำได้ ไทย จะมี 15 คะแนน จากนั้นค่อยไปลุ้นให้ ยูเออี ทำแต้มหลุดมือในเกมพบ เวียดนาม หรือ อินโดนีเซีย

ซึ่งหากเป็นไปตามนั้นจะทำให้ทัพ “ช้างศึก” จะมีลุ้นเข้ารอบด้วยการเป็นอันดับ 2 ที่ดีที่สุด 4 ทีมสุดท้ายด้วยการมี 11 คะแนน (ตัดผลเจอกับทีมอันดับสุดท้าย คือ อินโดนีเซีย ที่ชนะ1 นัดและเสมอ 1 นัดออก 4 คะแนน)

สรุปผลการแข่งขันคัดบอลโลกโซนเอเชีย

กลุ่ม B เนปาล 2-0 ไต้หวัน, ออสเตรเลีย 3-0 คูเวต /กลุ่ม C อิหร่าน 3-1 ฮ่องกง, บาห์เรน 8-0 กัมพูชา / กลุ่ม D ปาเลสไตน์ 4-0 สิงคโปร์/กลุ่ม E บังกลาเทศ 1-1 อัฟกานิสถาน, อินเดีย 0-1 กาตาร์,/ กลุ่ม G ยูเออี 4-0 มาเลเซีย, ไทย 2-2 อินโดนีเซีย

กาลอป