เปิดสถิติ 5 นัดหลังสุด “ทีมชาติไทย-อินโดนีเซีย” ก่อนดวลเกมคัดบอลโลก 2022 เปิดสถิติการพบกัน 5 – ไทยรัฐ
เปิดสถิติการพบกัน 5 นัดหลังสุดระหว่าง “ทีมชาติไทย” และ “ทีมชาติอินโดนีเซีย” ก่อนทั้งคู่จะพบกันในศึก ฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบที่ 2 กลุ่มจี นัดที่ 6
วันที่ 2 มิ.ย. 64 ความเคลื่อนไหวก่อนเกมที่ “ช้างศึก” ฟุตบอลทีมชาติไทย ของทาง อากิระ นิชิโนะ หัวหน้าผู้ฝึกสอนชาวญี่ปุ่น มีโปรแกรมลงสนามพบกับ “ขุนพลอิเหนา” ทีมชาติอินโดนีเซีย ในศึก “ฟุตบอลโลก 2022” รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบที่ 2 กลุ่มจี นัดที่ 6 ณ สนาม อัล มัคตูม 23.45 น. ตามเวลาประเทศไทย
ก่อนเกมดังกล่าว “ช้างศึก” ทีมชาติไทย อยู่อันดับ 3 มี 8 คะแนน จากการลงสนาม 5 นัด แบ่งออกเป็นชนะ 2 เสมอ 2 แพ้ 1 นัด ขณะที่ “ขุนพลอิเหนา” ทีมชาติอินโดนีเซีย รั้งอันดับสุดท้ายของกลุ่มจากการแพ้รวดทั้ง 5 นัด โดยทำประตูได้เพียง 3 ลูก และเสียไปถึง 16 ประตูเลยทีเดียว
สถิติการพบกัน 5 นัดหลังสุด (ทุกรายการ)
19/11/2016 : ทีมชาติไทย 4-2 ทีมชาติอินโดนีเซีย (เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ)
14/12/2016 : ทีมชาติอินโดนีเซีย 2-1 ทีมชาติไทย (เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ)
17/12/2016 : ทีมชาติไทย 2-0 ทีมชาติอินโดนีเซีย (เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ)
17/11/2018 : ทีมชาติไทย 4-2 ทีมชาติอินโดนีเซีย (เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ)
10/09/2019 : ทีมชาติอินโดนีเซีย 0-3 ทีมชาติไทย (ฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก)
ฟุตบอลฟุตบอลเป็นกีฬาที่นิยมเล่นมากที่สุดในประเทศไทย โดยเริ่มเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2440 และฟุตบอลทีมชาติไทยได้ร่วมเป็นสมาชิกฟีฟ่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2468 นับว่าเป็นประเทศแรกของโซนเอเชียที่เป็นสมาชิกฟีฟ่า แต่เป็นทีมที่ในอดีตไม่ประสบความสำเร็จในระดับไหนเลย แต่ได้เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพเอเชียนคัพ 2007 ในอดีตประเทศไทยไม่ค่อยสนับสนุนนักฟุตบอลอาชีพนัก นักเตะจึงนิยมไปค้าแข้งกับประเทศอื่นที่มีการสนับสนุนดีกว่า แต่หลังจากปี พ.ศ. 2552 ฟุตบอลอาชีพไทยเริ่มตื่นตัว เนื่องจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียตั้งกฎข้อบังคับให้แต่ละสโมสรจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่มีสโมสรองค์กร รัฐวิสาหกิจ ปรับตัวไม่ได้ จึงต้องมีการยุบทีมทิ้ง หรือขายทีมไป หลังจากไทยพรีเมียร์ลีก 2552 เริ่มขึ้น แฟนบอลเริ่มเข้ามาชมเกมส์ในสนามมากขึ้น เงินเดือนนักเตะสูงขึ้น การจัดการของแต่ละสโมสรดีขึ้น ลีกไทยค่อย ๆ พัฒนาเป็นระดับ ส่งผลทำให้นักฟุตบอลที่เคยไปค้าแข้งต่างแดนกลับมายังประเทศไทย เนื่องจากค่าตอบแทนไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ผลงานทีมชาติกลับสวนทางเพราะว่าต้องใช้เวลาปรับตัว เนื่องจากยุคที่ลีกบ้านเรายังไม่เจริญนักฟุตบอลมีเวลาเตรียมทีมเยอะ แต่ปัจจุบันแทบจะไม่ค่อยมีเวลาเพราะสโมสรเรียกเก็บตัวซ้อมเพื่อการแข่งขัน นักเตะจึงต้องใช้เวลาปรับตัว แต่ถือว่าฟุตบอลของประเทศไทยพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพราะหลังจากนั้นเพียง 2 ปี แฟนบอลหันมาเชียร์ทีมในจังหวัดตัวเองมากขึ้น ทีมกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ส่งผลทำให้เกิดท้องถิ่นนิยม จึงเป็นที่มาที่แฟนบอลไทยเข้าไปชมเกมฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 และดิวิชั่น 2 มากขึ้นนั่นเอง
This website uses cookies.