ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ในช่วงปีพ.ศ. 2558-2562 ฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย ได้ก้าวเข้าสู่เป้าหมายที่สามารถเรียกได้ว่า ‘จุดสูงสุด’ ของวงการฟุตบอลหญิง ด้วยการคว้าสิทธิ์ไปเล่นฟุตบอลหญิงชิงแชมป์โลกถึง 2 สมัยติดต่อกัน (ค.ศ. 2015 และ 2019) ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายๆ และนับเป็นประวัติศาสตร์ของวงการฟุตบอลไทย และวงการฟุตบอลย่านอาเซียนกันเลยทีเดียว
‘ไทย’ เป็นประเทศแรกๆ ในเอเชียที่มีทีมฟุตบอลหญิง และยังเป็น 1 ใน 6 ประเทศที่ส่งทีมเข้าแข่งขันฟุตบอลหญิงชิงแชมป์เอเชียครั้งที่ 1 เมื่อปีพ.ศ. 2518 ด้วย ซึ่งครั้งนั้นแข้งสาวชาวไทยได้อันดับ 2 โดยแพ้ให้กับทีมชาตินิวซีแลนด์ และสามารถคว้าแชมป์เอเชียได้ ในปีพ.ศ. 2526
ก่อนหน้านี้ เป้าหมายของวงการฟุตบอลไทย คือการได้เห็นฟุตบอลชายผ่านเข้าไปเล่นฟุตบอลโลก รอบสุดท้ายให้ได้สักครั้ง ทว่าสุดท้ายแล้วกลับกลายเป็นทีมฟุตบอลหญิงที่สร้างชื่อกระฉ่อนโลกให้จดจำ ภายใต้การบริหารจัดการและสร้างทีมอย่างอดทน และทุ่มเทของผู้จัดการหญิงแกร่ง ‘มาดามแป้ง’ นวลพรรณ ล่ำซำ ที่พร้อมเป็นทั้งเพื่อน พี่ และแม่ หรือจะเรียกว่าเป็นให้แล้วทุกอย่างกับวงการฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย ณ เวลานั้น โดยมี ‘โค้ชหนึ่ง’ ดร. หนึ่งฤทัย สระทองเวียน อดีตนักฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย และนักกีฬาฮอกกี้ทีมชาติไทยชุดเจ้าของเหรียญทองซีเกมส์ปี 2538 รับหน้าที่โค้ช และมีบทบาทสำคัญในการพาทีมไทยเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลกสองสมัยติดต่อกัน
ครั้งแรกเมื่อปีพ.ศ. 2558 ที่ประเทศแคนนาดา ซึ่งทัพ ‘ชบาแก้ว’ ฉายาของฟุตบอลหญิงทีมชาติไทยที่ได้มาจากช้างสาวตัวละครในแอนิเมชั่นเรื่อง ‘ก้านกล้วย’ เพื่อให้คู่กับฉายา ‘ช้างศึก’ ของฟุตบอลชายทีมชาติไทย ได้ผ่านเข้ารอบสุดท้ายร่วมกับเพื่อนชาวเอเชียอย่างทีมชาติจีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย ซึ่งเรียกว่าทีมเหล่านั้นล้วนเป็นเต้ยของวงการลูกหนังเอเชียทั้งสิ้น
โดยรอบสุดท้าย ทัพแข้งสาวไทยอยู่ในกลุ่มบี ร่วมกับทีมชาติเยอรมนี นอร์เวย์ และไอวอรี่โคสต์ ซึ่งผลงานที่ออกมาไม่ธรรมดา แม้ว่าจะตกรอบแรก แต่ก็จบด้วยอันดับ 3 ของกลุ่ม ด้วยผลงาน 3 นัด ชนะ 1 แพ้ 3 ได้ 3 เสีย 10 ประตู มี 3 คะแนน โดย 1 เกมที่เก็บชัย คือการชนะไอวอรี่โคสต์ 3-2 จากการยิงของอรทัย ศรีมณี 2 ประตู และชิดตะวัน ชาวงศ์ อีก 1 ประตู
การที่ทีมฟุตบอลสาวไทยผ่านเข้าไปเล่นในศึกฟุตบอลโลกได้เป็นครั้งแรก นับว่า ‘สุดยอด’ แล้ว แต่ใครจะคิดว่า จะมีครั้งที่สองติดต่อกัน ทำให้วงการลูกหนังโลกต้องหันมามอง ‘ไทยแลนด์’ กันเลยทีเดียว เพราะสามารถคว้าโควต้าได้อีกครั้งในศึกฟุตบอลหญิงชิงแชปม์โลก 2019 ที่ประเทศฝรั่งเศส โดยครั้งนี้ ‘ชบาแก้ว’ อยู่ในกลุ่มเอฟ มีเพื่อนร่วมกลุ่มอย่างสหรัฐอเมริกา สวีเดน ชิลี ซึ่งในปีนี้สาวไทยก็ยังไม่สามารถสร้างประวัติศาสตร์เข้าสู่รอบที่สองได้ ผลงาน 3 นัด ในรอบแรกแพ้รวด ยิงได้เพียง 1 ประตู จากกาญจนา สังข์เงิน และเสียไป 20 ประตู ตกรอบแรกอีกครั้ง
แม้ว่าฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย ทีมอันดับที่ 39 ของโลก อันดับที่ 2 ของอาเซียน (ฟีฟ่า : เมษายน 2564) จะตกรอบแรกทั้งสองครั้ง แต่นั่นคือประวัติศาสตร์วงการฟุตบอลไทย รวมถึงวงการฟุตบอลอาเซียนที่ไม่เคยมีชาติไหนทำได้มาก่อน หรือแม้กระทั่งประเทศในระดับทวีปเอเชียด้วยกัน ก็ยังถือว่ายากเมื่อเทียบศักยภาพจากประเทศเล็กๆ ในระดับเดียวกัน ดังนั้น ฟุตบอลหญิงทีมชาติไทยชุดผ่านเข้ารอบฟุตบอลหญิงชิงแชมป์โลก 2 สมัยติดต่อกันในปี 2015 ที่ประเทศแคนาดา และปี 2019 ที่ประเทศฝรั่งเศส คือ ‘สุดยอดทีมเวิร์ค’ โดยแท้ และเชื่อว่าประวัติศาสตร์บทนี้จะถูกจารึกเอาไว้กับวงการฟุตบอลไทย และเป็นแรงบันดาลใจให้กับแข้งไทยรุ่นต่อไป
ปัจจุบันฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย ได้ ‘มิโยะ โอกาโมโตะ’ กุนซือชาวญี่ปุ่นมาคุมทัพ โดยจะมีโปรแกรมลงแข่งขันศึกฟุตบอลหญิงชิงแชมป์เอเชีย 2023 รอบคัดเลือก ในช่วงเดือนกันยายน พ.ศ. 2564 ซึ่งรายการนี้จะคัดหาทีมไปเล่นศึกชิงแชมป์เอเชีย 2023 รอบสุดท้าย ที่ประเทศอินเดีย ในเดือนมกราคม พ.ศ. 2565 โดยรายการดังกล่าวจะคัดตัวแทนทวีปเอเชีย 5 ทีม เข้าไปแข่งขันศึกฟุตบอลหญิงชิงแชมป์โลก 2023 ที่ประเทศออสเตรเลียและนิวซีแลนด์เป็นเจ้าภาพร่วมกัน ซึ่งผลจะออกมาเป็นอย่างไรนั้น ก็ต้องติดตามและร่วมส่งกำลังใจไปพร้อมกัน
โปรไฟล์
ทีม : ฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย
ผลงาน :
●
เหรียญทองซีเกมส์ 5 ครั้ง ได้แก่ ครั้งที่ 13 (ไทย) ครั้งที่ 18 (ไทย) ครั้งที่ 19 (อินโดนีเซีย) ครั้งที่ 24 (ไทย) ครั้งที่ 27 (พม่า)
●
เหรียญเงินซีเกมส์ 4 ครั้ง ได้แก่ ครั้งที่ 21 (มาเลเซีย) ครั้งที่ 25 (ลาว)ครั้งที่ 29 (มาเลเซีย) ครั้งที่ 30 (ฟิลิปปินส์)
●
แชมป์ฟุตบอลหญิงชิงแชมป์แห่งชาติอาเซียน (AFF Women’s Championship) 4 สมัย (2011, 2015, 2016 และ 2018)
●
พ.ศ. 2558 เข้ารอบแบ่งกลุ่ม (อันดับ 17) การแข่งขันฟุตบอลโลกหญิง 2015 (แคนาดา)
●
พ.ศ. 2562 เข้ารอบแบ่งกลุ่ม การแข่งขันฟุตบอลโลกหญิง 2019 (ฝรั่งเศส)
This website uses cookies.