Football Sponsored

แบ็คซ้าย ช้างศึก นิชิโนะ จะเลือกใครเป็นเบอร์หนึ่งแทน อุ้ม ธีราทร – สยามกีฬา

Football Sponsored
Football Sponsored

ใกล้เข้ามาทุกขณะสำหรับการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกโซนเอเชียที่ ทีมชาติไทย จะลงเล่นสามนัดที่เหลือที่ประเทศยูเออีด้วยการพบกับ อินโดนิเซีย , ยูเออี และ มาเลเซีย ซึ่งทัพช้างศึกต้องเก็บชัยชนะให้ได้เพื่อผ่านเข้าสู่รอบ 12 ทีมต่อไป

    ถึงตอนนี้ทีมชาติไทยตรวจโควิดครบหมดแล้วและไม่มีใครติดเพิ่มพร้อมบินไปแข่งที่ ยูเออี แล้วแต่ล่าสุดอย่างที่ทราบ อากิระ นิชิโนะ ได้รับข่าวร้าย เมื่อแบ็คซ้ายเบอร์หนึ่งของทัพ ช้างศึก อย่าง ธีราทร บุญมาทัน ได้ประกาศถอนตัวเป็นที่เรียบร้อยจากทีมชาติไทยชุดนี้ซึ่งน่าเสียดายมาก เพราะ ธีราทร ครบเครื่องสุดๆในตอนนี้ แต่ที่น่าสนใจคือใครจะเป็นนักเตะที่จะมาเป็นแบ็คซ้ายเบอร์ 1 แทน ธีราทร 

    โดยนักเตะในตำแหน่งแบ็คซ้ายที่ นิชิโนะ เลือกมาคนที่เหลือมีดังต่อไปนี้ ศศลักษณ์ ไหประโคน จาก บุรีรัมย์ , จตุรภัช สัทธรรม จาก การท่าเรือ , เออร์เนสโต ภูมิภา , ฉัตรมงคล เรืองฐนโรจน์ จาก ชลบุรี เอฟซี และ  สถาพร แดงศรี จาก หนองบัวพิชญ 

    นักเตะแต่ละคนที่ นิชิโนะ เลือกมานั้นมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันออกไป ไปดูคนแรกอย่าง ศศลักษณ์ ไหประโคน แข้งริมเส้นจอมทักษะสูงที่แจ้งเกิดกับ บุรีรัมย์ เต็มๆในตำแหน่งวิงแบ็คซ้ายจุดเด่นของ ศศลักษณ์ คือความสามารถเฉพาะตัวที่ดีมากๆรวมถึงมีพละกำลังสูงใจสู้ไม่มีกลัวคู่แข่งแถมยังเล่นได้หลากหลายทั้งวิงแบ็คหรือไปเป็นปีกซ้ายแต่ข้อเสียก็คือ ศศลักษณ์ ไม่ใช่แบ็คธรรมชาติถ้าเกิดเล่นในระบบหลังสี่ ศศลักษณ์ อาจมีปัญหาในเรื่องเกมรับอยู่บ้าง

    คนต่อมา ฉัตรมงคล เรืองฐนโรจน์ ดาวรุ่งพุ่งแรงของ ชลบุรี เอฟซี ที่แจ้งเกิดได้อย่างเต็มตัวในฤดูกาลที่ผ่านมา ฉัตรมงคล มีทุกอย่างที่ตำแหน่งแบ็คซ้ายควรจะมีทั้งทักษะ , การเปิดบอล , พละกำลัง รวมถึงยังสามารถขยับไปเล่นมิดฟิลด์ตัวกลางได้ด้วยเป็นนักเตะดาวรุ่งที่น่าจับตามองจริงๆแต่ข้อเสียของ ฉัตรมงคล ก็คือในเรื่องของประสบการณ์ที่อาจมีน้อยกว่าคนอื่นๆ

    ไปดูอีกคนคือ เออร์เนสโต ดาวเตะลูกครึ่งจาก สมุทรปราการ คนนี้เล่นได้อย่างโดดเด่นเมื่อฤดูกาลที่แล้วจุดเด่นของ เออร์เนสโต แน่นอนคือเกมรุกที่บุกมันส์สุดๆนึกว่าเล่นเป็นปีกเขามักจะเติมเกมไปสุดเส้นเสมอและเปิดบอลเข้ามาแต่ละครั้งได้ลุ้นตลอดรวมถึงยังมีความสามารถเฉพาะตัวที่สูงลิบแต่ข้อเสียของ เออร์เนสโต ก็มีตรงที่การเล่นเกมรับที่มักจะลงไม่ค่อยทันเพราะเติมเกมบุกจนเกินไป

    ต่อมาคือ จตุรพัช สัทธรรม จากการท่าเรือ คนนี้สุดเซอร์ไพรส์จริงเพราะเพิ่งได้รับโอกาสลงเล่นกับการท่าเรือในช่วงท้ายฤดูกาลและโชว์ผลงานได้ดีสุดๆจนไปเข้าตา นิชิโนะ จตุรพัช มีทีเด็ดหลายอย่างโดยเฉพาะจังหวะการเติมขึ้นมาทำประตูที่มักจะทำได้สวยๆหลายครั้งรวมถึงวิ่งขึ้นวิ่งลงไม่มีหมดขณะที่เกมรับก็ทำได้ดีในระดับหนึ่งอาจติดอย่างเดียวข้อเสียคือความไม่แน่นอนด้วยการที่เขาอายุยังน้อย

    ส่วนคนสุดท้ายคือ สถาพร แดงศรี คือคนนี้เป็นแบ็คซ้ายอาชีพแต่ทว่าตอนที่เขาฟอร์มดีจนถูกเรียกตัวติดทีมชาติไทยชุดนี้ สถาพร ปีที่แล้วเขาโชว์ฟอร์มดีกับการขยับไปเล่นเป็นเซนเตอร์ฮาล์ฟให้กับ ตราด เอฟซี เพราะฉะนั้นมองว่า นิชิโนะ อาจจับ สถาพร เล่นเซนเตอร์มากกว่าแต่ถ้าถามว่า สถาพร เล่นตำแหน่งแบ็คซ้ายเป็นไงก็ถือว่าโอเคในระดับหนึ่งมีผลงานที่คงเส้นคงวาทั้งเกมรุกเกมรับแต่ก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษมากแต่เขาเล่นได้แน่นอน

    ซึ่งดูจากแต่ละคนบอกเลยว่ามีดีคนละแบบอยู่ที่ อากิระ นิชิโนะ จะชอบแบบไหนและใครทำผลงานได้ดีในการฝึกซ้อมมากกว่ากันจากการที่ ธีราทร ถอนตัวทำให้ทุกคนมีโอกาสเท่าเที่ยมกันมากๆในการเอาชนะใจ นิชิโนะ ซึ่งน่าสนใจมากว่าใครจะเป็นแบ็คซ้ายเบอร์หนึ่งในทีมชุดแล้วแฟนฟุตบอลไทยคิดว่าใครเหมาะสุด

อีกหนึ่งช่องทางในการติดตามข่าวสาร
Add friend ที่ @Siamsport
Football Sponsored
ฟุตบอล

ฟุตบอลเป็นกีฬาที่นิยมเล่นมากที่สุดในประเทศไทย โดยเริ่มเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2440 และฟุตบอลทีมชาติไทยได้ร่วมเป็นสมาชิกฟีฟ่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2468 นับว่าเป็นประเทศแรกของโซนเอเชียที่เป็นสมาชิกฟีฟ่า แต่เป็นทีมที่ในอดีตไม่ประสบความสำเร็จในระดับไหนเลย แต่ได้เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพเอเชียนคัพ 2007 ในอดีตประเทศไทยไม่ค่อยสนับสนุนนักฟุตบอลอาชีพนัก นักเตะจึงนิยมไปค้าแข้งกับประเทศอื่นที่มีการสนับสนุนดีกว่า แต่หลังจากปี พ.ศ. 2552 ฟุตบอลอาชีพไทยเริ่มตื่นตัว เนื่องจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียตั้งกฎข้อบังคับให้แต่ละสโมสรจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่มีสโมสรองค์กร รัฐวิสาหกิจ ปรับตัวไม่ได้ จึงต้องมีการยุบทีมทิ้ง หรือขายทีมไป หลังจากไทยพรีเมียร์ลีก 2552 เริ่มขึ้น แฟนบอลเริ่มเข้ามาชมเกมส์ในสนามมากขึ้น เงินเดือนนักเตะสูงขึ้น การจัดการของแต่ละสโมสรดีขึ้น ลีกไทยค่อย ๆ พัฒนาเป็นระดับ ส่งผลทำให้นักฟุตบอลที่เคยไปค้าแข้งต่างแดนกลับมายังประเทศไทย เนื่องจากค่าตอบแทนไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ผลงานทีมชาติกลับสวนทางเพราะว่าต้องใช้เวลาปรับตัว เนื่องจากยุคที่ลีกบ้านเรายังไม่เจริญนักฟุตบอลมีเวลาเตรียมทีมเยอะ แต่ปัจจุบันแทบจะไม่ค่อยมีเวลาเพราะสโมสรเรียกเก็บตัวซ้อมเพื่อการแข่งขัน นักเตะจึงต้องใช้เวลาปรับตัว แต่ถือว่าฟุตบอลของประเทศไทยพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพราะหลังจากนั้นเพียง 2 ปี แฟนบอลหันมาเชียร์ทีมในจังหวัดตัวเองมากขึ้น ทีมกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ส่งผลทำให้เกิดท้องถิ่นนิยม จึงเป็นที่มาที่แฟนบอลไทยเข้าไปชมเกมฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 และดิวิชั่น 2 มากขึ้นนั่นเอง

This website uses cookies.