วงการกีฬาบ้านเราที่เจอฤทธิ์โควิด-19 อาละวาดจู่โจมใส่ทีมกีฬาชั้นนำ ไม่ว่าจะเป็นฟุตบอลหรือวอลเลย์บอลหญิง ที่มีภารกิจสำคัญอยู่ใกล้ๆจนระส่ำระสายมาเมื่อสัปดาห์ก่อน มาถึงตรงนี้ดูจะผ่อนคลายกันมากขึ้น
ที่ว่า “ผ่อนคลาย” นั้น ลองจับอุณหภูมิตัวเองกันได้ เวลารับฟัง รับรู้ ข่าวสารกับเรื่องที่ว่านี้ ทั้งการตรวจเจอนักเตะไทยและเจ้าหน้าที่ทีมบอลติดเชื้อ ทีมต้องระงับการฝึกซ้อมและปรับแผน กักตัว ฝั่งของนักตบสาวไทยก็เจอกันมากถึง 22 คน แม้ว่าจะเก็บตัวฝึกซ้อมแบบปิดอยู่ที่ จ.นครปฐม จนต้องขอถอนทีมจากการแข่งขันวอลเลย์บอลเนชันส์ลีก ทั้งๆที่นักกีฬาและเจ้าหน้าที่ทั้งสองทีมที่เกี่ยวข้อง ต่างก็ได้รับการฉีดวัคซีนกันไปแล้ว รวมถึงมีมาตรการป้องกันที่รัดกุมควบคู่ไป
ทันทีที่มีข่าวนี้ออกมา จำความรู้สึกกันได้ไหมว่า เครียด อึดอัด งุนงง หรือตื่นตระหนกกันบ้างหรือไม่ ที่แน่ๆไม่มีใครสบายใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นแน่นอน
แล้วทำไมห่างกันไม่นาน และคนไทยยังติดเชื้อมากมาย ที่เสียชีวิตก็ยังเป็นจำนวนที่สูงมากอยู่สำหรับประเทศของเรา รวมทั้งวัคซีนก็ยังฉีดได้
น้อยนิด แม้ว่าจะเห็นความ “พยายาม” ที่หาวิธีหาช่องทางให้ได้มากขึ้น แต่ก็ยังมากด้วยช่องโหว่ และความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งกันและกัน
และความรู้สึกที่ “ผ่อนคลาย” นั้น มาจากไหน
มาถึงตรงนี้ทีมฟุตบอลไทยในกลุ่มที่สองซึ่งจะเข้าเก็บตัว ก็ผ่านการตรวจไปเรียบร้อยและผลคือไม่มีใครติดเชื้อโควิด กลุ่มแรกที่ผลตรวจออกมาทำเอาช็อก ก็ยังไม่มีอะไรเพิ่มเติมให้น่ากังวลมากไปกว่าเดิม มีการปรับแผนแยกกันเดินทางก่อนไปรวมทีมซ้อมกันที่ยูเออี ซึ่งเป็นการเตรียมการเรื่องภายในของเรา ขณะที่ภายนอกก็ไม่มีใครตั้งประเด็นไปถึงการเข้าแข่งขันของเรา
ส่วนวอลเลย์บอลสาวไทยนั้น ยิ่งสะท้อนถึงภาพบางภาพ เมื่อสหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติ ก็ไม่เห็นด้วยให้ไทยถอนทีม ซึ่งมีการพิจารณาถึงการที่นักกีฬาไทยได้ฉีดวัคซีนไปแล้ว ทั้งมีข้อแนะนำ ให้ติดตามนักกีฬาที่ตรวจพบเชื้อ ทดสอบ และตรวจใหม่เป็นระยะๆ ยังมีมุมมองว่าผลบวกที่เกิดขึ้นอาจเนื่องจากการฉีดวัคซีนหรือไม่
ทั้งเปิดโอกาสให้ทีมไทยเปลี่ยนแปลงนักกีฬาได้ สามารถส่งชื่อไปใหม่ได้เป็นกรณีพิเศษ ซึ่งทีมวอลเลย์บอลสาวไทยก็ส่งชื่อใหม่ไปเรียบร้อย นั่นหมายถึงการเดินหน้าเข้าสู่การแข่งขันวอลเลย์บอลเนชันส์ลีกต่อไปตามเดิม
ตรงนี้นี่เองที่สะท้อนถึงความ “ผ่อนคลาย” ด้วยหากมองกรณีนี้เป็นกรณีศึกษา จะเห็นอะไรบางอย่าง ไม่ใช่หมายถึงไทยเรายังได้แข่งขันต่อ หรือมองไปถึงศักยภาพทีม ชื่อเก่าชื่อใหม่ หรือความคาดหวังต่างๆในผลงานของนักกีฬาไทย
แต่มันสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของ “วัคซีน” ฉีดแล้ว ไม่ใช่ไม่ติด ติดได้ แต่ความอันตราย ไม่ว่าจะเป็นมุมมองต่อตัวเอง หรือมุมมองจากข้างนอก คนอื่นที่มองเข้ามา ไม่ได้หวาดกลัว หวาดระแวง ตื่นตระหนกต่อผลการติดมากเช่นอดีต
นี่เป็นมุมมองของสหพันธ์กีฬา ที่นักกีฬาเราจะต้องไปร่วมสมาคมกับเขา เช่นกันในลักษณะเดียวกัน กีฬาโอลิมปิกที่จะมาถึง ยังมีคนญี่ปุ่นลงชื่อทะลุ 3.5 แสนคนไปแล้ว อยากให้ประเทศเขาเลิกหรือเลื่อนจัด แต่มุมมองอย่างเดียวกันนี้คือ “วัคซีน” น่าจะเป็นการส่งสัญญาณ เป็นคำตอบได้ชัดเจนว่า ญี่ปุ่นยังจะจัดโอลิมปิกหรือไม่
ป้องกันดีขนาดไหนก็ยังมีช่องโหว่ แต่ “วัคซีน” จะเป็นทั้งเกราะและอาวุธ
“วัคซีน” จึงเป็นคำตอบเดียวของโลกที่จะสู้กับโควิด เพื่อให้ผู้คนใช้ชีวิตใกล้เคียงปกติมากที่สุดแม้โลกยังมีโควิดปะปนอยู่ ใครมีโอกาสฉีด
ต้องฉีด ทุกประเทศต้องฉีดให้คนของตัวเองให้ได้มากสุดและเร็วสุด มีเงื่อนไขน้อยที่สุดหรือไม่มีเลย
ประเทศไหนทำไม่ได้ เป็นกรรมของคนประเทศนั้น ส่วนกรรมเกิดจากอะไร หรือใครทุกคนมีสิทธิ์ที่จะคิด…
“เบี้ยหงาย”
This website uses cookies.