Football Sponsored

“เทพอาร์ม”ยิ่งใหญ่ขนาดไหน รวบรวมมาให้ดู

Football Sponsored
Football Sponsored

การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกทำให้โปรแกรมการแข่งขันฟุตบอลรายการต่างๆต้องมีการปรับโปรแกรมกันใหม่แทบทั้งหมด เช่นเดียวกันการแข่งขันฟุตซอลชิงแชมป์สโมสรเอเชีย และชิงแชมป์โลกถูกขยับปรับเลื่อนออกไป โดยโปรแกรมชิงแชมป์โลกกำหนดการแข่งขันไว้ในปี 2021 หรือว่าปีนี้ ซึ่งเป็นการเลื่อนมาจากปี 2020 ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาหลังจากวงการฟุตซอลไทยเดินหน้าสร้างขุมกำลังแบบชัดเจนต่อยอดมาเรื่อยๆ ทีมชาติไทยคว้าโอกาสไปชิงแชมป์โลกแบบต่อเนื่อง 5 สมัย ตั้งแต่ปี 2000(กัวเตมาลา),2004(ไต้หวัน),2008(บราซิล),2012(ไทย),2016(โคลัมเบีย)

    นอกจากการทะยานสู่เวทีชิงแชมป์โลกแล้วผลผลิตผู้เล่นชั้นดีก็มีมากขึ้นจากยุคแรกๆที่ผู้เลนทีมชาติสนามใหญ่สละสตั๊ดมาสวมผ้าใบไล่ล่าความสำเร็จจนเกิดดาวเตะระดับพ่อมดอย่าง อนุชา มั่นเจริญ,จเด็ด พูนเพิ่ม,เอกพงษ์-เอกพันธ์  สุรัตน์สว่าง ก่อนที่จะเข้าสู่ยุคของ “เทพอาร์ม” ศุภวุฒิ เถื่อนกลาง  ดาวเตะที่กลายเป็นภาพลักษณ์ของวงการโต๊ะเล็กไทยในเจนเนเรชั่นปัจจุบัน

    ช่วงเวลาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19  ทำให้สถิติที่ดาวเตะจาก จ.ราชบุรี รายนี้แห่งสโมสรนาโงย่า โอเซียน(ญี่ปุ่น) ที่ บลูเวฟ ชลบุรี ปล่อยยืมตัว ต้องหยุดชะงักสถิติที่สำคัญนั่นคือการลงรับใช้ทีมชาติไทยในเวทีฟุตซอลชิงแชมป์โลกมากที่สุดตลอดกาลเทียบเท่ากับดาวเตะรุ่นพี่ 4 ราย ที่เคยทำไว้ โอกาสที่จะเทียบเท่ากับ 4 แข้งรุ่นใหญ่คงไม่ใช่เรื่องยากแต่ห้วงเวลาหลังจากนี้โอกาสที่จะทำลายหากดูจากอายุคงต้องคอยดูการตัดสินใจของ ศุภวุฒิ   เถื่อนกลาง   นี่คือเรื่องราวสถิติที่ยอดเยี่ยมของมหาเทพแข้งโต๊ะเล็กรายนี้

จ่อเทียบชั้นพร้อมทำลายสถิติชิงแชมป์โลก

    “เทพอาร์ม” ศุภวุฒิ   เถื่อนกลาง   มีโอกาสลงเล่นฟุตซอลชิงแชมป์โลก รอบสุดท้ายมาแล้ว 2 สมัย ในปี 2012 ที่ไทยเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน และ ปี 2016 ที่ประเทศโคลัมเบีย ซึ่งทั้งสองครั้งพาทีมชาติไทยทะลุรอบน็อคเอาท์ (16ทีม)ทั้งสองครั้ง อีกทั้งยังคว้ารางวัลยิงประตูยอดเยี่ยมของโลกในทัวร์นาเมนต์ทั้ง 2 ครั้ง  แต่เส้นทางหลังจากนี้คือสิ่งที่น่าสนใจจากการเลื่อนทัวร์นาเมนต์การแข่งขันทำให้เวทีชิงแชมป์โลก ที่ลิธัวเนียปี 2020 เลื่อนไปเป็น 2021  ซึ่งหากทีมชาติไทยทะลุชิงแชมป์โลกได้สมัยที่ 6 ต่อเนื่องจะเป็นการลงเล่นชิงแชมป์โลกสมัยที่สามของ ศุภวุฒิ  พร้อมยกสถิติการลงรับใช้ทีมชาติเทียบเท่ากับสถิติตลอดกาลของ 4 นักเตะ อนุชา มั่นเจริญ,ภานุวัฒน์   จันทา,ณรงค์ศักดิ์   คงแก้ว และ เลิศชาย อิศราสุวิภากรณ์ 

    นอกจาก “อาร์ม”แล้วจะมีอีก 5 ราย ประกอบไปด้วย  จีรวัฒน์ สอนวิเชียร,อภิวัฒน์ แจ่มเจริญ,ณัฐวุฒิ หมัดยะลาน,กฤษฎา วงษ์แก้ว และ เจษฎา ชูเดช  จะก้าวขึ้นมาเทียบชั้นด้วยเช่นกัน อนาคตหลังชิงแชมป์โลก 2021 ยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจนในสนามแข่งขันเพราะด้วยวัยที่มากขึ้นคงต้องดูการตัดสินใจพ่อมดฟุตซอลไทยว่าจะตัดสินใจไปต่อหรือไม่ เพราะหากไปต่อจะกลายเป็นผู้เล่นที่รับใช้ทีมชาติไทยในเวทีฟุตซอลโลกรอบสุดท้ายมากที่สุด

ค้าแข้งต่างแดนมากสุด

    การเดินหน้าคว้าแชมป์ในประเทศมากมายกับทั้ง บลูเวฟ ชลบุรี อาจจะเป็นภาพที่เจนตา แต่การพิสูจน์ตัวเองในเวทีที่ยิ่งใหญ่กว่าด้วยการออกไปค้าแข้งต่างแดนในลีกที่ดีกว่ามาตรฐานระดับสูงคือสิ่งที่  ศุภวุฒิ   เถื่อนกลาง   กอบโกยมันมาอย่างต่อเนื่องทั้งเรื่องของเกมการแข่งขันในสนามและผลตอบแทนในเรื่องของเม็ดเงิน เหล่านี้คือการยอมรับจากชาติที่เก่งกว่าในการว่าจ้าง  “เทพอาร์ม” คือนักฟุตซอลไทยที่มีสัญญาการค้าแข้งต่างแดนมากที่สุด 2 ทวีป 5 ประเทศ 6 สโมสร  ประกอบไปด้วย ซานติอาโก ฟุตซอล(สเปน),เปอร์ซิโปลิศ(อิหร่าน),เมส ซันกุน(อิหร่าน),แบล๊คสตีล(อินโดนีเซีย),แบงค์  ออฟ เบรุต(เลบานอน) และ นาโงย่าโอเซียน (ญี่ปุ่น) ล่าสุดคว้าแชมป์กับสโมสรในญี่ปุ่น  ซึ่งชีพจรลงเท้าต่างแดนทำให้ทำลายสถิติค้าแข้งต่างแดนของ “บอย”เอกพงษ์  สุรัตน์สว่าง ที่เคยไปค้าแข้ง 2 ทวีป 3 ประเทศ  3 สโมสร ให้กับ สโมสรอัคโทเบ (คาซัคสถาน),สโมสร ELECTRIC PLN (อินโดนีเซีย)และ สโมสร MIU FC (เมียนมา)

รางวัลเฉพาะตัวเพียบ

    แม้ว่าจะพาสโมสรบลูเวฟ ชลบุรี ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ทั้งการคว้าแชมป์เอเชีย 2 สมัย 2013,2017 รวมไปถึงฟุตซอลลีก,เอฟเอ คัพ อีกทั้งยังพาทีมชาติไทยคว้ารองแชมป์เอเชียปี 2012  สิ่งหนึ่งที่บอกได้ว่าความสำเร็จทั้งสโมสรทีมชาติ ศุภวุฒิ   เถื่อนกลาง   คือกลไกชิ้นสำคัญที่ทำให้ทุกอย่างถึงเป้าหมาย ดังนั้นรางวัลส่วนตัวที่ได้รับก็เป็นการชี้ชัดว่าคุณภาพมหาเทพโต๊ะเล็กรายนี้คือแข้งระดับต้นของทวีป “เทพอาร์ม” คว้ารางวัลยิงประตูยอดเยี่ยมชิงแชมป์โลก 2 สมัย ปี 2012,2016,ดาวซัลโวเอเชีย ปี 2016 ,นักเตะยอดเยี่ยมเอเชียปี 2013 ,นักเตะยอดเยี่ยมสโมสรเอเชีย ปี 2013 อีกทั้งยังมีรางวัลระดับภูมิภาคอาเซียนอีกนับไม่ถ้วน

อีกหนึ่งช่องทางในการติดตามข่าวสาร
Add friend ที่ @Siamsport
Football Sponsored
ฟุตบอล

ฟุตบอลเป็นกีฬาที่นิยมเล่นมากที่สุดในประเทศไทย โดยเริ่มเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2440 และฟุตบอลทีมชาติไทยได้ร่วมเป็นสมาชิกฟีฟ่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2468 นับว่าเป็นประเทศแรกของโซนเอเชียที่เป็นสมาชิกฟีฟ่า แต่เป็นทีมที่ในอดีตไม่ประสบความสำเร็จในระดับไหนเลย แต่ได้เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพเอเชียนคัพ 2007 ในอดีตประเทศไทยไม่ค่อยสนับสนุนนักฟุตบอลอาชีพนัก นักเตะจึงนิยมไปค้าแข้งกับประเทศอื่นที่มีการสนับสนุนดีกว่า แต่หลังจากปี พ.ศ. 2552 ฟุตบอลอาชีพไทยเริ่มตื่นตัว เนื่องจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียตั้งกฎข้อบังคับให้แต่ละสโมสรจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่มีสโมสรองค์กร รัฐวิสาหกิจ ปรับตัวไม่ได้ จึงต้องมีการยุบทีมทิ้ง หรือขายทีมไป หลังจากไทยพรีเมียร์ลีก 2552 เริ่มขึ้น แฟนบอลเริ่มเข้ามาชมเกมส์ในสนามมากขึ้น เงินเดือนนักเตะสูงขึ้น การจัดการของแต่ละสโมสรดีขึ้น ลีกไทยค่อย ๆ พัฒนาเป็นระดับ ส่งผลทำให้นักฟุตบอลที่เคยไปค้าแข้งต่างแดนกลับมายังประเทศไทย เนื่องจากค่าตอบแทนไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ผลงานทีมชาติกลับสวนทางเพราะว่าต้องใช้เวลาปรับตัว เนื่องจากยุคที่ลีกบ้านเรายังไม่เจริญนักฟุตบอลมีเวลาเตรียมทีมเยอะ แต่ปัจจุบันแทบจะไม่ค่อยมีเวลาเพราะสโมสรเรียกเก็บตัวซ้อมเพื่อการแข่งขัน นักเตะจึงต้องใช้เวลาปรับตัว แต่ถือว่าฟุตบอลของประเทศไทยพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพราะหลังจากนั้นเพียง 2 ปี แฟนบอลหันมาเชียร์ทีมในจังหวัดตัวเองมากขึ้น ทีมกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ส่งผลทำให้เกิดท้องถิ่นนิยม จึงเป็นที่มาที่แฟนบอลไทยเข้าไปชมเกมฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 และดิวิชั่น 2 มากขึ้นนั่นเอง

This website uses cookies.