Football Sponsored

ครั้งแรก! “แม็คเกรเกอร์” แซงเมสซี่,โด้นักกีฬารวยสุดในโลก – สยามกีฬา

Football Sponsored
Football Sponsored

คอเนอร์ แม็คเกรเกอร์ ยอดนักสู้เอ็มเอ็มเอชาวไอริช กลายเป็นนักกีฬาที่ร่ำรวยที่สุดในโลก หลังทำเงินได้มหาศาลตลอดช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา แม้จะเกิดวิกฤติเชื้อไวรัสโควิด-19 ระบาดไปทั่วโลกก็ตาม โดยงานนี้ ลิโอเนล เมสซี่ และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ หล่นไปอยู่อันดับ 2 กับ 3 ตามลำดับ

           คอเนอร์ แม็คเกรเกอร์ นักสู้ประเภทศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวแบบผสม (เอ็มเอ็มเอ) ระดับโลก แซงหน้า คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และ ลิโอเนล เมสซี่ สองสตาร์ลูกหนังโลก ขึ้นมาเป็นนักกีฬาที่ร่ำรวยที่สุดในโลกเป็นครั้งแรก จากการจัดอันดับของ ฟอร์บส์ นิตยสารด้านการเงินชื่อดัง

           ยอดนักกีฬาเอ็มเอ็มเอชาวไอริช ทำรายได้มหาศาลจำนวน 127 ล้านปอนด์ (ราว 5,080 ล้านบาท) ตลอดช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา โดยหนึ่งในนั้นต้องขอบคุณเม็ดเงินจากการขายหุ้นที่เหลือของเขากับ Proper 12 บริษัทผลิตวิสกี้ จำนวน 112 ล้านปอนด์ (ราว4,480 ล้านบาท)

           ขณะที่รายได้จากการขึ้นชกมวยกรงแมตช์ล่าสุดที่แพ้น็อก ดัสติน พัวริเยร์ แบบหมดรูปที่ อาบู ดาบี เมื่อเดือนมกราคมปีนี้ แม็คเกรเกอร์ สามารถทำเงินได้เพียงแค่ 15 ล้านปอนด์ (ราว 600 ล้านบาท) เท่านั้น

           เม็ดเงินที่ แม็คเกรเกอร์ ทำได้ส่งผลให้เขาแซงหน้า เมสซี่ ยอดดาวเตะ “เจ้าบุญทุ่ม” บาร์เซโลน่า ที่รั้งอันดับ 2 มีรายได้จำนวน 92 ล้านปอนด์ (ราว 3,680 ล้านบาท) ขณะที่ โรนัลโด้ ยอดแข้ง “ม้าลาย” ยูเวนตุส รั้งอันดับ 3 รายได้อยู่ที่ 85 ล้านปอนด์ (ราว 3,400 ล้านบาท)

           ขณะที่ เนย์มาร์ กองหน้าทีมชาติบราซิลของ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง รั้งอยู่อันดับ 6 มีรายได้อยู่ที่ 67 ล้านปอนด์ (ราว 2,680 ล้านบาท) สำหรับ ลูอิส แฮมิลตัน ยอดนักซิ่งเจ้าของแชมป์รถสูตรหนึ่ง หรือ ฟอร์มูล่า วัน 7 สมัย รายได้อยู่ที่ 58 ล้านปอนด์ (ราว 2,320 ล้านบาท) 

 10 อันดับนักกีฬาที่มีรายได้สูงสุดในโลกช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา จากการจัดอันดับของนิตยสารฟอร์บส์

อันดับ ชื่อ   รายได้    กีฬา

1.  คอเนอร์ แม็คเกรเกอร์  127 ล้านปอนด์ (ราว 5,080 ล้านบาท)  ยูเอฟซี
2. ลิโอเนล เมสซี่  92 ล้านปอนด์ (ราว 3,680 ล้านบาท)  ฟุตบอล
3.  คริสเตียโน่ โรนัลโด้  85 ล้านปอนด์ (ราว 3,400 ล้านบาท) ฟุตบอล
4. แด็ก เพรสคอตต์  76 ล้านปอนด์ (ราว 3,040 ล้านบาท) อเมริกันฟุตบอล
5.  เลบรอน เจมส์  68 ล้านปอนด์ (ราว 2,720 ล้านบาท) บาสเกตบอล
6.  เนย์มาร์   67 ล้านปอนด์ (ราว 2,680 ล้านบาท) ฟุตบอล
7. โรเจอร์ เฟเดอเรอร์  64 ล้านปอนด์ (ราว 2,560 ล้านบาท) เทนนิส
8. ลูอิส แฮมิลตัน  58 ล้านปอนด์ (ราว 2,320 ล้านบาท) ฟอร์มูล่า วัน
9. ทอม เบรดี้   54 ล้านปอนด์ (ราว 2,160 ล้านบาท) อเมริกันฟุตบอล
10. เควิน ดูแรนท์  53 ล้านปอนด์ (ราว 2,120 ล้านบาท) บาสเกตบอล

อีกหนึ่งช่องทางในการติดตามข่าวสาร
Add friend ที่ @Siamsport
Football Sponsored
ฟุตบอล

ฟุตบอลเป็นกีฬาที่นิยมเล่นมากที่สุดในประเทศไทย โดยเริ่มเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2440 และฟุตบอลทีมชาติไทยได้ร่วมเป็นสมาชิกฟีฟ่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2468 นับว่าเป็นประเทศแรกของโซนเอเชียที่เป็นสมาชิกฟีฟ่า แต่เป็นทีมที่ในอดีตไม่ประสบความสำเร็จในระดับไหนเลย แต่ได้เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพเอเชียนคัพ 2007 ในอดีตประเทศไทยไม่ค่อยสนับสนุนนักฟุตบอลอาชีพนัก นักเตะจึงนิยมไปค้าแข้งกับประเทศอื่นที่มีการสนับสนุนดีกว่า แต่หลังจากปี พ.ศ. 2552 ฟุตบอลอาชีพไทยเริ่มตื่นตัว เนื่องจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียตั้งกฎข้อบังคับให้แต่ละสโมสรจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่มีสโมสรองค์กร รัฐวิสาหกิจ ปรับตัวไม่ได้ จึงต้องมีการยุบทีมทิ้ง หรือขายทีมไป หลังจากไทยพรีเมียร์ลีก 2552 เริ่มขึ้น แฟนบอลเริ่มเข้ามาชมเกมส์ในสนามมากขึ้น เงินเดือนนักเตะสูงขึ้น การจัดการของแต่ละสโมสรดีขึ้น ลีกไทยค่อย ๆ พัฒนาเป็นระดับ ส่งผลทำให้นักฟุตบอลที่เคยไปค้าแข้งต่างแดนกลับมายังประเทศไทย เนื่องจากค่าตอบแทนไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ผลงานทีมชาติกลับสวนทางเพราะว่าต้องใช้เวลาปรับตัว เนื่องจากยุคที่ลีกบ้านเรายังไม่เจริญนักฟุตบอลมีเวลาเตรียมทีมเยอะ แต่ปัจจุบันแทบจะไม่ค่อยมีเวลาเพราะสโมสรเรียกเก็บตัวซ้อมเพื่อการแข่งขัน นักเตะจึงต้องใช้เวลาปรับตัว แต่ถือว่าฟุตบอลของประเทศไทยพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพราะหลังจากนั้นเพียง 2 ปี แฟนบอลหันมาเชียร์ทีมในจังหวัดตัวเองมากขึ้น ทีมกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ส่งผลทำให้เกิดท้องถิ่นนิยม จึงเป็นที่มาที่แฟนบอลไทยเข้าไปชมเกมฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 และดิวิชั่น 2 มากขึ้นนั่นเอง

This website uses cookies.