Football Sponsored

“สิงห์บลูส์” สอนเชิง “ราชัน” ! เจาะ 5 ประเด็น เชลซี แกร่งปราบ เรอัล มาดริด ทะลุชิง แชมเปี้ยนส์ ลีก – สยามกีฬา

Football Sponsored
Football Sponsored

เชลซี ไม่ทำให้คอลูกหนังฟุตบอลอังกฤษต้องผิดหวังเมื่อจัดการปราบ เรอัล มาดริด ได้สำเร็จในรอบรองชนะเลิศ ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก นัด 2 ที่สนามสแตมฟอร์ด บริดจ์ เมื่อวันพุธที่ 5 พฤษภาคมที่ผ่านมา รวมสองแมตช์ชนะไปด้วยสกอร์รวม 3-1 ทะลุเข้ารอบชิงชนะเลิศ ดวลกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้

 “สิงโตน้ำเงินคราม” พกความได้เปรียบนิดหน่อยในแมตช์นี้ เมื่อพวกเขามีอเวย์โกลเก็บเอาไว้หลังบุกไปเสมอ “ราชันชุดขาว” 1-1 ในเกมเลกแรก  โดยเกมนี้ โธมัส ทูเคิ่ล นายใหญ่ชาวเยอรมัน วางแท็กติกที่เน้นการเล่นรัดกุม และใช้ความสามารถเฉพาะตัวของลูกทีมในการเล่นจังหวะสวนกลับให้แม่นยำ

 ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปตามที่ เชลซี ต้องการเมื่อพวกเขาได้ประตูนำในครึ่งแรก ทำให้เกมมันเล่นง่ายยิ่งขึ้น โดยครึ่งหลังเจ้าบ้านมีโอกาสหลายครั้งแต่ได้เพิ่มมาแค่ประตูเดียว ซึ่งก็เพียงพอที่จะทำให้พวกเขาเอาชนะไปได้แบบไม่ยากเย็นนัก 2-0  และในที่สุดพวกเขาก็ได้ก้าวไปที่กรุงอิสตันบูล ประเทศตุรกี โดยงานนี้ ทูเคิ่ล จะได้วัดกึ๋นกับ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า อีกครั้ง  

  เชื่อว่าคอลูกหนังเมืองผู้ดีกำลังวาดฝันที่จะเห็น “ออล อิงแลนด์ ไฟน่อล” ครั้งที่สอง หลังจากที่ครั้งแรกเกิดขึ้นในซีซั่น 2018/2019 เมื่อ ลิเวอร์พูล พบ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ในชิงแชมเปี้ยนส์ ลีก ส่วน อาร์เซน่อล ชิง เชลซี ในศึกยูฟ่า ยูโรปา ลีก

 ตอนนี้ แมนฯ ซิตี้ กับ เชลซี ทำได้แล้วในโทรฟี่ “บิ๊กเอียร์” ส่วน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด น่าจะลอยลำไปรอชิง ยูโรปา ลีก แล้ว เหลือแต่ อาร์เซน่อล จะมาตามนัดหรือเปล่า !!!

1. แวร์เนอร์พิสจน์ด้วยฝีเท้ามากกว่าคำพูด

 ในเกมแรก ติโม แวร์เนอร์ โดนวิจารณ์อย่างหนักจากผลงานของเขาที่ดันทำหมูหกหน้าประตูในช่วงต้นเกม ทำให้ทีมพลาดโอกาสที่จะได้ประตูขึ้นนำ ที่สำคัญเจ้าตัวยังมีโอกาสที่จะยิงประตูหลายครั้ง แต่ส่วนใหญ่แล้วจะออกไปทางยิงนกตกปลามากกว่า

 หัวหอกชาวเยอรมัน เกือบมีชื่ออยู่บนสกอร์บอร์ดตั้งแต่นาทีที่ 18 เมื่อส่งบอลเข้าไปซุกก้นตาข่ายได้แล้ว แต่น่าเสียดายที่เจ้าตัวล้ำหน้าไปนิดเดียว อย่างไรก็ตามห่างไปอีกแค่ไม่ถึง 10 นาที แวร์เนอร์ ก็จัดการทำประตูให้กับต้นสังกัดขึ้นนำได้สำเร็จ ซึ่งถือเป็นประตูสำคัญมากๆ สำหรับ “สิงห์บลูส์” เพราะมันทำให้พวกเขาเล่นได้ง่ายยิ่งขึ้น

 แวร์เนอร์ ใช้ความเร็วจัดการปั่นป่วนเกมรับที่ค่อนข้างชราภาพของ “โลส บลังโกส” ได้ตลอด กอปรกับการประสานงานร่วมกับเพื่อนร่วมทีมที่มีความคล่องตัวสูงอย่าง ไค ฮาแวร์ตซ์ และ เมสัน เม้าน์ท ยิ่งทำให้เกมบุกของเจ้าบ้านมีมิติมากยิ่งขึ้น

 ผลงานของ แวร์เนอร์ ในเกมนี้อาจจะไม่ได้สุดยอดแต่ก็เพียงพอที่จะทำให้บรรดานักวิจารณ์และเกรียนคีย์บอร์ดต้องสงบปากสงบคำไปได้ เพราะนี่คือหนึ่งในสองประตูของเกมนี้ ที่นำ เชลซี ผงาดเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ ศึกลูกหนังระดับสโมสรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในทวีปยุโรป 
 
 ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อกางสถิติของ แวร์เนอร์ ในฤดูกาลนี้จะเห็นได้ว่าเขาเกี่ยวข้องโดยตรงกับ 22 ประตูที่ต้นสังกัดทำได้ตลอดทุกรายการ โดยเป็นการตะบันตาข่ายเอง 12 ลูก และแอสซิสต์ 10 ครั้ง ซึ่งถือว่าเป็นผลงานที่โดดเด่นจริงๆ เพียงแต่มันถูกกลบเพราะความผิดพลาดแบบน่าเหลือเชื่อก็เท่านั้นเอง 

 2. ก็องเต้เจ้าของพื้นที่แผ่นดินโลก

 “71 เปอร์เซ็นต์ของพื้นผิวโลกถูกปกคุลมด้วยน้ำ ส่วนที่เหลือถูกปกคุลมโดย ก็องเต้” วลีเด็ดที่ถูกนำมาเปรียบเทียบให้เห็นฟอร์มของ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ทำให้ทุกๆ คนมองเห็นภาพได้อย่างชัดเจนว่า ดาวเตะชาวฝรั่งเศส รายนี้มีความสำคัญต่อเกมของ เชลซี มากแค่ไหน
 
 แมตช์แรก ก็องเต้ ที่วิ่งไปทั่วสนามและช่วยบดบี้ขยี้ผู้เล่น เรอัล มาดริด จนทำอะไรไม่ถูก ในขณะที่เกมเลกสอง เจ้าตัวก็ยังคงรักษามาตรฐานการเล่นที่ยอดเยี่ยมเอาไว้ได้ โดยช่วยวิ่งไล่ปิดพื้นที่เกมรุกของ “ราชันชุดขาว” ขณะเดียวเมื่อถึงเวลาที่ต้นสังกัได้บุกก็สามารถช่วยเติมเกม และสร้างโอกาสได้ทันที

 ก็องเต้ เกือบมีชื่อเป็นผู้ทำประตูเหมือนกัน โดยในนาทีที่ 66 แวร์เนอร์ กระชากบอลทะลุเข้าไปบริเวณแนวรับของทีมเยือน ก่อนจะส่งบอลถวายพานให้กับ ก็องเต้ ที่หลุดเข้าไปในเขตโทษแล้ว แต่ดันไปซัดติด  ติโบต์ กูร์กตัวส์ 

 แม้จะทำประตูไม่ได้แต่ ดาวเตะจอมถ่มตัวเลือดเฟร้นช์ ก็มีส่วนกับประตูตอกฝาโลงในช่วงท้ายเกม เมื่อเขาใช้ความขยันวิ่งไปปั๊มบอลมาจากแข้ง “โลส บลังโกส” บริเวณเกือบกลางสนามและผ่านบอลให้ คริสเตียน พูลิซิช ที่โชว์ความเหนือชั้นหาจังหวะก่อนเปิดไปให้ เม้าท์น ซัดเข้าไปไม่เหลือซาก
 
 ผลงานในแมตช์นี้เป็นเครื่องพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ก็องเต้ ถือเป็นคีย์แมนที่ทำให้ทีมโชว์ฟอร์มได้อย่างแข็งแกร่ง ฉะนั้นในเกมนัดชิงต้องบอกเลยว่า แมนฯ ซิตี้ เจอกับงานหนักแน่ ถ้าหากไม่สามารถรับมือกับความยอดเยี่ยมของ ดาวเตะเลือดเฟร้นช์ ได้ 

3. สร้างโอกาสเยอะแต่ขาดความเฉียบคม

 หากจะหาจุดบกพร่องของ เชลซี ในเกมรับมือ เรอัล มาดริด ต้องบอกเลยว่ามีแค่เรื่องเดียวเท่านั้น นั่นก็คือ “ความเฉียบคม” เพราะ “สิงโตน้ำเงินคราม” ควรมีตัวเลขบนสกอร์บอร์ดมากกว่าสองประตู ถ้าหาพวกเขาไม่ลืมลับแข้งให้คมก่อนลงสนาม

 ประตูของ แวร์เนอร์ ที่ทำได้ตั้งแต่ครึ่งแรก ส่งผลให้ เชลซี เล่นได้ง่ายมากขึ้น เพราะทีมของกุนซือซีเนดีน ซีดาน จำเป็นต้องเปิดเกมบุกเพื่อหวังทำประตูให้ได้ และนั่นทำให้เกิดพื้นที่ว่างมากขึ้นในแนวรับ ซึ่งถือว่าเข้าทางเจ้าบ้านเต็มๆ

 ครึ่งหลังเห็นได้ชัดว่า เชลซี สร้างโอกาสได้มากมายก่ายกอง แต่น่าเสียดายที่ทั้ง ไค ฮาแวร์ตซ์, ก็องเต้ และ พูลิซิซ มีโอกาสเน้นๆ ที่จะส่งบอลไปซุกก้นตาข่าย แต่ดันไม่มีความเฉียบคมซัดไปติดเซฟ กรูกตัวส์บ้าง ตะบันเหินข้ามคานบ้าง 

 ลองคิดดูก็แล้วกันว่าถ้าหากจังหวะแบบนั้นหลุดไปอยู่ในเท้าของผู้เล่นที่มีความฉมังในการทำประตู งานนี้คงได้เห็น “ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด กลับสเปนด้วยสภาพยับเยินสิ้นชื่อเจ้าของแชมป์ถ้วยใบโตยุโรป 13 สมัย 

 ฉะนั้นนี่คือการบ้านข้อใหญ่ที่ ทูเคิ่ล ต้องรีบทำการปรับแก้เป็นการด่วน เพราะมันไม่ใช่เกิดขึ้นในเกมนี้เท่านั้น แมตช์ก่อนหน้านี้ก็มีมาให้เห็นหลายต่อหลายครั้ง และถ้าดันไปเกิดขึ้นในเกมนัดชิงกับ แมนฯ ซิตี้ บอกเลยว่าน่าเสียดายสุดๆ…..

4. เมนดี้เหนียวหนึบยังกับหมึกยักษ์

 คงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ เอดูอาร์ เมนดี้ จะสามารถยึดมือ 1 มาจาก เกปา อาร์ริซาบาลาก้า ได้อย่างถาวร เพราะผลงานของเขาในฤดูกาลแรกกับ เชลซี มันช่างโดดเด่น เหนียวหนึบ สมแล้วที่สโมสรยอมทุ่มเงินดึงตัวมาเฝ้าเสา

 นายทวารชาวเซเนกัล มีความโดดเด่นในเรื่องสมาธิ และการจดจ่ออยู่กับเกมตลอด โดยเจ้าตัวแทบจะไม่มีจังหวะเหวอ หรือทำผิดพลาด จนทำให้เพื่อนร่วมทีมต้องเสียวสันหลัง เหมือนกับตอนที่ เกปา ยืนอยู่ที่เสาประตู 

 เกมนี้ เมนดี้ อาจจะไม่ค่อยได้ทำงานหนักมานัก เนื่องจากเกมรับของทีมได้แก่ อันเดรียส คริสเตนเซ่น, ติอาโก้ ซิลวา, อันโตนิโอ รือดิเกอร์ และ เซซ่าร์ อัซปิลิกวยต้า แข็งแกร่งจนทำให้เกมบุกของ เรอัล มาดริด ทำอะไรไม่ได้เลย

 กระนั้นก็มีบางจังหวะที่ เรอัล เกือบได้ประตูเช่นกัน แต่งานนี้ เมนดี้ โชว์ซูเปอร์เซฟได้ 2 ครั้งจาก คาริม เบนเซม่า ในช่วงครึ่งแรก โดยจังหวะแรก “เบนซ์” ปั่นบอลจะเบียดเสาเข้าอยู่แล้ว แต่ เมนดี้ พุ่งปัดออกไปได้อย่างเหลือเชื่อ อีกจังหวะหัวหอกชาวฝรั่งเศสคนเดิม โหม่งบอลกำลังจะเข้าอยู่แล้ว แต่ก็โดนความหนึบของ เมนดี้ ปัดข้ามคานออกไป

 ผลงานแบบนี้อาจเป็นสัญญาณที่ส่งไปยัง เกปา ว่า เมนดี้ น่าจะยึดมือ 1 เชลซี ไปอีกนานหลายปี ส่วน โกลชาวสแปนิช คงจะต้องคิดทบทวนว่าจะอยู่เป็นยางอะไหล่ต่อไป หรือออกไปหาโอกาสเป็นตัวจริงกับสโมสรอื่น 

5. ทูเคิ่ล ผู้เปลี่ยนแปลงเชลซี

 ใครที่เป็นสาวก “สิงโตน้ำเงินคราม” คงไม่อยากเชื่อว่าทีมชุดนี้จะผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ ฟุตบอลถ้วย 2 รายการ เพราะฟอร์มของพวกเขามันหาความคงเส้นคงวาไม่ได้เลยในยุคที่แฟร้งค์ แลมพาร์ด ทำหน้าที่กุมบังเหียน 

 การตัดสินใจของบอร์ดบริหารนำโดน โรมัน อบราโมวิช เจ้าของสโมสร ที่สั่งปลด “แลมพ์ส” ออกไปอาจสร้างความขุ่นเคืองให้กับแฟนบอลเชลซีบางคน เพราะเป็นการทำร้ายจิตใจพวกเขา เนื่องจาก แลมพาร์ด คือตำนานของสโมสร และน่าจะให้โอกาสเขาได้พิสูจน์ฝีมือนานกว่านี้

 อย่างไรก็ตามการได้ ทูเคิ่ล มากุมบังเหียนทำให้ เชลซี ชุดเดิมที่มีขุมกำลังเดียวกับในยุค แลมพาร์ด โชว์ฟอร์มได้อย่างสุดยอดมากยิ่งขึ้น โดยผลงานในลีกพวกเขากลับมายึดท็อปโฟร์ได้อย่างเหนียวแน่น แถมยังทะลุชิง เอฟเอ คัพ และ แชมเปี้ยนส์ ลีก ด้วย

 ทูเคิ่ลเข้ามาทำให้เกมของ เชลซี มีความสมดุลมากยิ่งขึ้นโดยแนวรับเหนียวแน่นแข็งแกร่งเสียประตูยาก ขณะที่เกมรุกน่ากลัวมีความดุดันเต็มไปด้วยประสิทธิภาพ และยังครองเกมเหนือกว่าคู่แข่งแทบทุกแมตช์ แต่สิ่งที่ขาดเพียงอย่างเดียวก็คือความเฉียบคมเท่านั้น

 งานนี้เกมที่ นายใหญ่ชาวเยอรมัน ต้องปะทะกึ๋นกับ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ในนัดชิงถ้วยใบโตยุโรป คงเป็นอะไรที่สนุกสุดๆ เพราะทั้งสองคนถือว่าเป็นจอมวางแท็กติก แถมยกแรก ทูเคิ่ล ชนะมาแล้วจากการเขี่ย แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ตกรอบฟุตบอลถ้วยเก่าแก่ที่สุดในโลก

 บทสรุปของฤดูกาลนี้สำหรับ เชลซี จะออกมาเป็นยังไงยังไม่มีใครรู้ แต่สำหรับซีซั่น 2021/2022 “สิงห์บลูส์” ในยุคของ ทูเคิ่ล คงน่ากลัวมากขึ้นเป็นทวีคูณ เพราะทีมต้องมีการเสริมทัพอย่างหนักเพื่อให้ได้นักเตะที่เหมาะกับระบบของ ทูเคิ่ล งานนี้บอกเลยว่าการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก คงได้เข้มข้นยิ่งกว่าเดิมหลายเท่า !!!

    ทอมเม้ง

อีกหนึ่งช่องทางในการติดตามข่าวสาร
Add friend ที่ @Siamsport
Football Sponsored
ฟุตบอล

ฟุตบอลเป็นกีฬาที่นิยมเล่นมากที่สุดในประเทศไทย โดยเริ่มเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2440 และฟุตบอลทีมชาติไทยได้ร่วมเป็นสมาชิกฟีฟ่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2468 นับว่าเป็นประเทศแรกของโซนเอเชียที่เป็นสมาชิกฟีฟ่า แต่เป็นทีมที่ในอดีตไม่ประสบความสำเร็จในระดับไหนเลย แต่ได้เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพเอเชียนคัพ 2007 ในอดีตประเทศไทยไม่ค่อยสนับสนุนนักฟุตบอลอาชีพนัก นักเตะจึงนิยมไปค้าแข้งกับประเทศอื่นที่มีการสนับสนุนดีกว่า แต่หลังจากปี พ.ศ. 2552 ฟุตบอลอาชีพไทยเริ่มตื่นตัว เนื่องจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียตั้งกฎข้อบังคับให้แต่ละสโมสรจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่มีสโมสรองค์กร รัฐวิสาหกิจ ปรับตัวไม่ได้ จึงต้องมีการยุบทีมทิ้ง หรือขายทีมไป หลังจากไทยพรีเมียร์ลีก 2552 เริ่มขึ้น แฟนบอลเริ่มเข้ามาชมเกมส์ในสนามมากขึ้น เงินเดือนนักเตะสูงขึ้น การจัดการของแต่ละสโมสรดีขึ้น ลีกไทยค่อย ๆ พัฒนาเป็นระดับ ส่งผลทำให้นักฟุตบอลที่เคยไปค้าแข้งต่างแดนกลับมายังประเทศไทย เนื่องจากค่าตอบแทนไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ผลงานทีมชาติกลับสวนทางเพราะว่าต้องใช้เวลาปรับตัว เนื่องจากยุคที่ลีกบ้านเรายังไม่เจริญนักฟุตบอลมีเวลาเตรียมทีมเยอะ แต่ปัจจุบันแทบจะไม่ค่อยมีเวลาเพราะสโมสรเรียกเก็บตัวซ้อมเพื่อการแข่งขัน นักเตะจึงต้องใช้เวลาปรับตัว แต่ถือว่าฟุตบอลของประเทศไทยพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพราะหลังจากนั้นเพียง 2 ปี แฟนบอลหันมาเชียร์ทีมในจังหวัดตัวเองมากขึ้น ทีมกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ส่งผลทำให้เกิดท้องถิ่นนิยม จึงเป็นที่มาที่แฟนบอลไทยเข้าไปชมเกมฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 และดิวิชั่น 2 มากขึ้นนั่นเอง

This website uses cookies.