ผลสแกนเข่า ‘ชนาธิป’ ไม่หนักมาก แต่แพทย์ให้พัก ต้องลุ้นทันช่วย ‘ช้างศึก’ ไหม – มติชน
ผลสแกนเข่า ‘ชนาธิป’ ไม่หนักมาก แต่แพทย์ให้พัก ต้องลุ้นทันช่วย ‘ช้างศึก’ ไหม
หลังจากที่ “เมสซี่เจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์ ดาวเตะทีมชาติไทยของสโมสร ฮอกไกโด คอนซาโดเล่ ซัปโปโร มีอาการบาดเจ็บในช่วงท้ายเกมที่เสมอกับ โชนัน เบลล์มาเร่ 0-0 ในเกมเจลีก เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคมที่ผ่านมานั้น
ล่าสุดเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม ชนาธิปได้ทำการสแกนเพื่อเช็กอาการบาดเจ็บ ก่อนจะได้รับการเปิดเผยจากแหล่งข่าวภายในสโมสรว่า ผลการสแกนนั้นไม่ได้หนักอย่างที่ตอนแรกกลัวกัน โดยเป็นอาการเอ็นหัวเข่าด้านซ้ายยืดเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม ทางทีมแพทย์นั้นชี้ว่าดาวเตะทีมชาติไทย มีอาการบอบช้ำจากจังหวะปะทะหนัก ดังนั้นควรจะให้พักสักระยะ แต่ไม่มีการระบุระยะเวลา โดยจะมีการประเมินอาการอย่างใกล้ชิดต่อไป
ทั้งนี้ อาการบาดเจ็บของชนาธิป นอกจากจะส่งผลต่อสโมสรฮอกไกโด คอนซาโดเล่ ซัปโปโร แล้วนั้น ยังส่งผลต่อทัพ “ช้างศึก” ทีมฟุตบอลทีมชาติไทย ชุดใหญ่ ที่มีคิวลงเล่นฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 2 กลุ่มจี ในอีก 3 นัดสุดท้าย ที่จะต้องเดินทางไปเล่นที่ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ระหว่างวันที่ 3-15 มิถุนายนนี้
ฟุตบอลฟุตบอลเป็นกีฬาที่นิยมเล่นมากที่สุดในประเทศไทย โดยเริ่มเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2440 และฟุตบอลทีมชาติไทยได้ร่วมเป็นสมาชิกฟีฟ่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2468 นับว่าเป็นประเทศแรกของโซนเอเชียที่เป็นสมาชิกฟีฟ่า แต่เป็นทีมที่ในอดีตไม่ประสบความสำเร็จในระดับไหนเลย แต่ได้เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพเอเชียนคัพ 2007 ในอดีตประเทศไทยไม่ค่อยสนับสนุนนักฟุตบอลอาชีพนัก นักเตะจึงนิยมไปค้าแข้งกับประเทศอื่นที่มีการสนับสนุนดีกว่า แต่หลังจากปี พ.ศ. 2552 ฟุตบอลอาชีพไทยเริ่มตื่นตัว เนื่องจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียตั้งกฎข้อบังคับให้แต่ละสโมสรจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่มีสโมสรองค์กร รัฐวิสาหกิจ ปรับตัวไม่ได้ จึงต้องมีการยุบทีมทิ้ง หรือขายทีมไป หลังจากไทยพรีเมียร์ลีก 2552 เริ่มขึ้น แฟนบอลเริ่มเข้ามาชมเกมส์ในสนามมากขึ้น เงินเดือนนักเตะสูงขึ้น การจัดการของแต่ละสโมสรดีขึ้น ลีกไทยค่อย ๆ พัฒนาเป็นระดับ ส่งผลทำให้นักฟุตบอลที่เคยไปค้าแข้งต่างแดนกลับมายังประเทศไทย เนื่องจากค่าตอบแทนไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ผลงานทีมชาติกลับสวนทางเพราะว่าต้องใช้เวลาปรับตัว เนื่องจากยุคที่ลีกบ้านเรายังไม่เจริญนักฟุตบอลมีเวลาเตรียมทีมเยอะ แต่ปัจจุบันแทบจะไม่ค่อยมีเวลาเพราะสโมสรเรียกเก็บตัวซ้อมเพื่อการแข่งขัน นักเตะจึงต้องใช้เวลาปรับตัว แต่ถือว่าฟุตบอลของประเทศไทยพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพราะหลังจากนั้นเพียง 2 ปี แฟนบอลหันมาเชียร์ทีมในจังหวัดตัวเองมากขึ้น ทีมกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ส่งผลทำให้เกิดท้องถิ่นนิยม จึงเป็นที่มาที่แฟนบอลไทยเข้าไปชมเกมฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 และดิวิชั่น 2 มากขึ้นนั่นเอง
This website uses cookies.