Football Sponsored

กัตตูโซ่เมืองไทย “อิศวะ สิงห์ทอง ” ต้นแบบชีวิตคู่ที่ร่วมกันสร้าง – สยามกีฬา

Football Sponsored
Football Sponsored

เอ่ยนามของ “เจ้าวะ” อิศวะ สิงห์ทอง ขึ้นมาแฟนบอลชาวไทยเป็นต้องคุ้นทั้งหน้าและชื่อของหนุ่มวัย 41 ปี ที่ในวันนี้ ที่ผ่านการค้าแข้งมาอย่างไม่เป็นสองรองใคร

    “เจ้าวะ” เคยได้รับฉายาว่า “กัตตูโซ่” เมืองไทย เพราะมีความละม้ายในสไตล์การเล่นรวมถึงบุคคลิกที่บนใบหน้าเต็มไปด้วยหนวดเคราเฟิ้ม เฉกเช่นเดียวกับ ดาวเตะอัสซูรี่ อดีตทีมชาติ อิตาลี อย่าง เจนนาโร่ กัตตูโซ่ อดีตสตาร์ดัง เอซี มิลาน ที่เขาเคยเป็นกุนซือด้วย ล่าสุด ในงานโค้ช นั้น กัตตูโซ่ คุม นาโปลี เมื่อปี ค.ศ. 2019  

    จ่าอากาศเอก อิศวะ สิงห์ทอง เกิดเมื่อ 7 ต.ค. 2523 ปัจจุบัน อายุ 41 ปี เป็นคนกทม. จบการศึกษา โรงเรียนจ่าอากาศ และรับราชการกระทั่งลาออกเพื่อไปค้าแข้งในวีลีก เวียดนาม  

    ปัจจุบัน “เจ้าวะ” เป็นเจ้าของ อะคาเดมี่ ที่เขาเป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียว โดยร่วมมือร่วมแรงทำกับภรรยาคู่ชีวิต ที่วงการอะคาเดมี่ รู้จักดี กับ ชื่อ สิงห์ทอง อะคาเดมี่ ฟุตบอลคลับ โดยตัว”เจ้าวะ” เอง เป็นทั้งเจ้าของและสอนเอง อยู่ที่สนาม สิงห์ทองฟุตบอลคลับ    งอยู่ที่ เลขที่ 51 ถ.ราษฎร์นิมิต  หทัยราษฎร์ กทม. โดยเปิดสอนฟุตบอลให้กับเยาวชน อายุ ระหว่าง 5-15 ปี  โดยเป็นที่ดินเช่าระยะยาว 12 ปี จำนวน  20 ไร่ มี 3 สนาม (หญ้าจริง) 11 คน , 7 คน , 9 คน 

    ปัจจุบัน”เจ้าวะ” มีดีกรี โค้ช ระดับบี ไลเซนส์ ติดตัว ซึ่งเป้าหมายที่เจ้าตัว ตัดสินใจ ทำอะคาเดมี่ เป็นของตัวเองขึ้นมาเพราะต้องการใช้ ประสบการณ์ จากการเล่นฟุตบอลทั้งกับหลายสโมสรในไทย และต่างประเทศ รวมถึงการเคยติดธงรับใช้ชาติ มาพัฒนาเยาวชน ที่สนใจเรียนทักษะฟุตบอลขั้นพื้นฐานเพื่อต่อยอดไปสู่การเป็นนักเตะอาชีพให้ได้ดั่งปณิธานของเขา  

    ย้อนกลับไปดูความเชี่ยวกรากในการเป็นพ่อค้าแข้งของ”เจ้าวะ” เขาผ่านสมรภูมิลูกหนังมามากมาย ทั้ง ในนามทีมชาติไทย ระหว่าง ปี ค.ศ. 2001-2006 ที่เคยรับใช้ในภารกิจ ปรีโอลิมปิก รอบคัดเลือก , แชมป์ ไทเกอร์คัพ 2002 , แชมป์ซีเกมส์ 2003 , อันดับ 4 เอเชี่ยน เกมส์ ที่ ปูซาน เกาหลีใต้ , เอเชี่ยนคัพ รอบ 12 ทีมสุดท้าย ที่จีน ,ฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก 2006   

    กับ”อินทรีทัพฟ้า” ทหารอากาศ นั้น “เจ้าวะ” ได้แชมป์ คาลเท็กซ์ พรีเมียร์ลีก 1999 , แชมป์ อัมสเทลฟุตซอลคัพ 2000 , แชมป์กีฬากองทัพไทย 2002  

    “เจ้าวะ” ยังเป็นนักเตะไทยที่เคยไปเล่น ในวีลีก เวียดนาม มาแล้ว กับ บินห์ ดินห์ ระหว่าง ปีค.ศ. 2003-2006 เคยได้แชมป์ เอฟเอคัพ เวียดนาม กับ บินห์ดินห์ 2003-2004 นอกจากนี้ยังเคย เล่นกับ อันแจง 2007-2008  

    ดองทัม ลัมแอง 2009-2010 ปี 2011 กับมาเล่นในไทยกับ บีบีซียู ได้รองแชมป์ ดิวิชั่น 1 , จากนั้นไปเล่นกับ เชียงราย ยูไนเต็ด 2012-2013 , แอร์ฟอร์ซฯ 2014 , เชียงใหม่ เอฟซี 2015 ทีมสุดท้ายที่เล่นก่อนจะแขวนสตั๊ด ในวัย 36 ปี ก็คือ ทีโอที เอสซี เมื่อปี ค.ศ. 2916  

    “เจ้าวะ” มีบุตรชาย 1 คนคือ น้อง ฮีโร่ นายองศา สิงห์ทอง วัย 16 ปี ที่เดินตามรอยคุณพ่อด้วยการเป็นนักเตะเล่นตำแหน่ง ปีกซ้าย เรียนอยู่ ร.ร.อสช.ธนบุรี ซึ่งลูกชายของ”เจ้าวะ” ได้รับการสอนตอนวัยเด็กจาก เรืออากาศเอก มนตรี แพรพันธ์ ตั้งแต่ 4 ขวบ ในนามทีมเยาวชนทหารอากาศ 

    สตรีผู้อยู่เคียงข้าง “เจ้าวะ” มาตลอดระยะเวลา 23 ปี ในฐานะคู่ชีวิตคือ คุณแป๋ม ศิวพร  ที่”เจ้าวะ” จีบและคบหามาตั้งแต่ครั้งเขาเรียน ร.ร.จ่าอากาศเมื่อปี พ.ศ. 2541 และภรรยา ในขณะนั้น เรียนที่ SBAC คณะบริหารธุรกิจคอมพิวเตอร์ ย่านสะพานใหม่ 

    “เจ้าวะ” ให้คำจำกัดคู่ชีวิตของเขา อย่าง คุณแป๋ม ว่า เป็นลมใต้ปีก ภาษาที่เหล่าทหารอากาศ รู้ดีว่า คือ ผู้คอยสนับสนุนเป็นกำลังใจให้กับตัวเขาในฐานะสามี พ่อของลูกนั่นเอง ปัจจุบัน ทั้งคู่ ช่วยกันบริหาร สนาม สิงห์ทองฟุตบอลคลับ และ สิงห์ทอง อะคาเดมี่ ฟุตบอล คลับ โดย คุณแป๋ม เป็น ผู้จัดการสนาม, ผู้บริหารสิงห์ทองอคาเดมี่ฟุตบอลคลับ   

    ใครอยากแวะเวียนไปทักทายสนทนาประสาลูกหนังและส่งบุตรหลานไปเรียนได้เจอกับ “เจ้าวะ” หรือ “จ่าฮอต ” มิดฟิลด์ตัวตัดเกมที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นอีกรายที่ วงการลูกหนังไทยเคยมีมา สอบถามได้ที่ โทร  095-1621223, 090-8940271 

เรื่องโดย “สิงห์นก Hk vp 9 “

อีกหนึ่งช่องทางในการติดตามข่าวสาร
Add friend ที่ @Siamsport
Football Sponsored
ฟุตบอล

ฟุตบอลเป็นกีฬาที่นิยมเล่นมากที่สุดในประเทศไทย โดยเริ่มเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2440 และฟุตบอลทีมชาติไทยได้ร่วมเป็นสมาชิกฟีฟ่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2468 นับว่าเป็นประเทศแรกของโซนเอเชียที่เป็นสมาชิกฟีฟ่า แต่เป็นทีมที่ในอดีตไม่ประสบความสำเร็จในระดับไหนเลย แต่ได้เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพเอเชียนคัพ 2007 ในอดีตประเทศไทยไม่ค่อยสนับสนุนนักฟุตบอลอาชีพนัก นักเตะจึงนิยมไปค้าแข้งกับประเทศอื่นที่มีการสนับสนุนดีกว่า แต่หลังจากปี พ.ศ. 2552 ฟุตบอลอาชีพไทยเริ่มตื่นตัว เนื่องจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียตั้งกฎข้อบังคับให้แต่ละสโมสรจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่มีสโมสรองค์กร รัฐวิสาหกิจ ปรับตัวไม่ได้ จึงต้องมีการยุบทีมทิ้ง หรือขายทีมไป หลังจากไทยพรีเมียร์ลีก 2552 เริ่มขึ้น แฟนบอลเริ่มเข้ามาชมเกมส์ในสนามมากขึ้น เงินเดือนนักเตะสูงขึ้น การจัดการของแต่ละสโมสรดีขึ้น ลีกไทยค่อย ๆ พัฒนาเป็นระดับ ส่งผลทำให้นักฟุตบอลที่เคยไปค้าแข้งต่างแดนกลับมายังประเทศไทย เนื่องจากค่าตอบแทนไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ผลงานทีมชาติกลับสวนทางเพราะว่าต้องใช้เวลาปรับตัว เนื่องจากยุคที่ลีกบ้านเรายังไม่เจริญนักฟุตบอลมีเวลาเตรียมทีมเยอะ แต่ปัจจุบันแทบจะไม่ค่อยมีเวลาเพราะสโมสรเรียกเก็บตัวซ้อมเพื่อการแข่งขัน นักเตะจึงต้องใช้เวลาปรับตัว แต่ถือว่าฟุตบอลของประเทศไทยพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพราะหลังจากนั้นเพียง 2 ปี แฟนบอลหันมาเชียร์ทีมในจังหวัดตัวเองมากขึ้น ทีมกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ส่งผลทำให้เกิดท้องถิ่นนิยม จึงเป็นที่มาที่แฟนบอลไทยเข้าไปชมเกมฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 และดิวิชั่น 2 มากขึ้นนั่นเอง

This website uses cookies.