Football Sponsored

“ยิม” วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ คว้า Chang Sportsmanship Award ในศึกช้าง เอฟเอ คัพ 2020

Football Sponsored
Football Sponsored

ปิดฉากไปเป็นที่เรียบร้อยกับศึกบอลถ้วยประวัติศาสตร์ฉลองครบรอบ 50 ปี รายการ “ช้าง เอฟเอ คัพ 2020” เมื่อวันที่ 11 เมษายนที่ผ่านมา ณ สนามธรรมศาสตร์ สเตเดี้ยม โดยบทสรุปของฤดูกาล แชมป์ตกเป็นของ “กว่างโซ้งมหาภัย” เชียงราย ยูไนเต็ด คว้าแชมป์สมัยที่ 3 หลังชนะจุดโทษฉลามชล “ชลบุรี เอฟซี” ไป 5-4

    ภายในพิธีมอบถ้วย นำโดย พล.ต.อ. ดร. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เป็นประธานในพิธีมอบถ้วยและเหรียญรางวัลให้กับนักกีฬา พร้อมด้วย คุณสุรพล อุทินทุ ผู้บริหารสำนักประสานงานภายนอก บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) โดยเครื่องดื่มตราช้าง

    สำหรับเชียงราย ยูไนเต็ด ทีมแชมป์จะได้รับถ้วยช้าง เอฟเอ คัพ ไปครองเป็นเวลา 1 ฤดูกาล พร้อมรับเงิน 5,000,000 บาท และสิทธิ์ในการเข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอล เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาล 2022 รอบแบ่งกลุ่ม และถือเป็นแชมป์สมัยที่ 3 ต่อจาก ปี 2017 และ 2018 ส่วนรองแชมป์อย่างชลบุรี เอฟซี จะได้รับเงินรางวัล 1,000,000 บาท

    นอกจากนี้ “เครื่องดื่มตราช้าง” ยังมีรางวัลพิเศษ “Chang Sportsmanship Award” รางวัลทรงคุณค่าที่มอบให้กับนักฟุตบอลผู้มีน้ำใจนักกีฬาตลอดทัวร์นาเมนต์ เพราะ “มากกว่ากีฬา คือน้ำใจนักกีฬา” โดยรางวัลนี้ตกเป็นของ “เจ้ายิม” วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ มิดฟิลด์ วัย 23 ปี จากชลบุรี เอฟซี ที่ฤดูกาลนี้โชว์ฝีเท้าได้อย่างโดดเด่น ด้วยการทำ 2 ประตูให้กับทีม โดยปราศจากใบเหลือง-ใบแดงตลอดทัวร์นาเมนต์ ซึ่งถือเป็นกำลังหลักในการพาทีมฉลามชล เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศในช้าง เอฟเอ คัพ ในปีนี้

    “เจ้ายิม” เริ่มเล่นฟุตบอลตั้งแต่ 6-7 ขวบ ก่อนได้รับโอกาสคัดตัวที่ชลบุรี เข้าตา “โค้ชเฮง” วิทยา เลาหกุล ประธานฝ่ายพัฒนาเทคนิคของสโมสรฟุตบอลชลบุรี ที่จำวันแรกของยิมที่ชลบุรีได้ดี และถึงกับบอกว่า “เด็กคนนี้มีของ” ไม่นานเด็กคนนี้ก็ฉายแสงขึ้นเรื่อยๆ มีโอกาสทดสอบฝีเท้าที่เลสเตอร์ ซิตี้ ประเทศอังกฤษ รวมถึงสโมสรชั้นนำในเจลีก ประเทศญี่ปุ่น และติดทีมชาติไทยชุดเยาวชนทุกชุด ทั้ง 19 ปี, 21 ปี และ 23 ปี เหลือเพียงทีมชาติชุดใหญ่ ซึ่งอากิระ นิชิโนะ กุนซือทีมชาติไทยชาวญี่ปุ่น ก็เรียก “เจ้ายิม” เก็บตัวเป็น 1 ใน 47 คน ที่จะแข่งขันฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก โซนเอเชีย ที่ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ในเดือนมิถุนายนนี้

    เชื่อว่าเราจะได้เห็น “เจ้ายิม” สวมเสื้อธงไตรรงค์ที่หน้าอก นำทัพทีมชาติไทย เป็นกำลังสำคัญ เป็นความหวังให้คนไทยอย่างแน่นอน

อีกหนึ่งช่องทางในการติดตามข่าวสาร
Add friend ที่ @Siamsport
Football Sponsored
ฟุตบอล

ฟุตบอลเป็นกีฬาที่นิยมเล่นมากที่สุดในประเทศไทย โดยเริ่มเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2440 และฟุตบอลทีมชาติไทยได้ร่วมเป็นสมาชิกฟีฟ่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2468 นับว่าเป็นประเทศแรกของโซนเอเชียที่เป็นสมาชิกฟีฟ่า แต่เป็นทีมที่ในอดีตไม่ประสบความสำเร็จในระดับไหนเลย แต่ได้เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพเอเชียนคัพ 2007 ในอดีตประเทศไทยไม่ค่อยสนับสนุนนักฟุตบอลอาชีพนัก นักเตะจึงนิยมไปค้าแข้งกับประเทศอื่นที่มีการสนับสนุนดีกว่า แต่หลังจากปี พ.ศ. 2552 ฟุตบอลอาชีพไทยเริ่มตื่นตัว เนื่องจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียตั้งกฎข้อบังคับให้แต่ละสโมสรจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่มีสโมสรองค์กร รัฐวิสาหกิจ ปรับตัวไม่ได้ จึงต้องมีการยุบทีมทิ้ง หรือขายทีมไป หลังจากไทยพรีเมียร์ลีก 2552 เริ่มขึ้น แฟนบอลเริ่มเข้ามาชมเกมส์ในสนามมากขึ้น เงินเดือนนักเตะสูงขึ้น การจัดการของแต่ละสโมสรดีขึ้น ลีกไทยค่อย ๆ พัฒนาเป็นระดับ ส่งผลทำให้นักฟุตบอลที่เคยไปค้าแข้งต่างแดนกลับมายังประเทศไทย เนื่องจากค่าตอบแทนไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ผลงานทีมชาติกลับสวนทางเพราะว่าต้องใช้เวลาปรับตัว เนื่องจากยุคที่ลีกบ้านเรายังไม่เจริญนักฟุตบอลมีเวลาเตรียมทีมเยอะ แต่ปัจจุบันแทบจะไม่ค่อยมีเวลาเพราะสโมสรเรียกเก็บตัวซ้อมเพื่อการแข่งขัน นักเตะจึงต้องใช้เวลาปรับตัว แต่ถือว่าฟุตบอลของประเทศไทยพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพราะหลังจากนั้นเพียง 2 ปี แฟนบอลหันมาเชียร์ทีมในจังหวัดตัวเองมากขึ้น ทีมกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ส่งผลทำให้เกิดท้องถิ่นนิยม จึงเป็นที่มาที่แฟนบอลไทยเข้าไปชมเกมฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 และดิวิชั่น 2 มากขึ้นนั่นเอง

This website uses cookies.