Football Sponsored

“บิ๊กป๋อม” ยื่นศบค. ขอโต๊ะเล็กซ้อมลุ้นตั๋วไปลุยศึกฟุตซอลชิงแชมป์โลก

Football Sponsored
Football Sponsored

“บิ๊กป๋อม-อดิศักดิ์” ยื่นขออนุญาต ศบค.เพื่อเตรียมทีมฝึกซ้อมฟุตซอลทีมชาติไทยสำหรับเตะเพลย์ออฟลุ้นตั๋วไปชิงแชมป์โลก

หลังจากที่ เอเอฟซี มีการประกาศให้ 4 ชาติคือ ไทย,เวียดนาม,อิรัก และ เลบานอน จะต้องมาเตะเพลย์ออฟ เพื่อเฟ้น 2 ทีมสุดท้ายของทวีปเอเชียไปลุยศึกฟุตซอลชิงแชมป์โลก 2021 ที่ประเทศลิทัวเนีย ซึ่งจะมีพิธีจับสลากประกบคู่ในวันที่ 27 เม.ย.นี้ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ในเวลา 15.00 น.และกำหนดแข่งขันแบบเหย้า-เยือน 2 นัดในวันที่ 20 พ.ค. กับ 25 พ.ค.

ในส่วนของการเตรียมความพร้อมของทีมโต๊ะเล็กทีมชาติไทย ทาง “บิ๊กป๋อม” อดิศักดิ์ เบ็ญจศิริวรรณ อุปนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ในฐานะประธานพัฒนาฟุตซอลและฟุตบอลชายหาด ก็เปิดเผยว่า “สิ่งสำคัญเวลานี้ก็คือเรื่องของการฝึกซ้อมของทีมชาติไทยว่าเราจะบริหารจัดการอย่างไร เพราะยังไงจะต้องมีการเตรียมทีม เรื่องนี้ก็จะต้องปรึกษากับสมาคมกีฬาฟุตบอลฯด้วย เนื่องจากมีรายละเอียดพอสมควร อย่างแรกการฝึกซ้อม ต้องมีการทำเรื่องขออนุญาตจาก ศบค.อย่างถูกต้องและชี้แจงถึงความจำเป็นที่ทีมชาติจะต้องแข่งเพลย์ออฟเพื่อลุ้นไปชิงแชมป์โลก ลำดับต่อมาคือสถานที่ฝึกซ้อม อาจจะต้องใช้รูปแบบที่เรียกว่าบับเบิ้ล คือเป็นทั้งสถานที่เก็บตัว และฝึกซ้อมในที่เดียวกัน เพื่อป้องกันไม่ให้นักเตะออกไปไหน หรือไปสัมผัสใครข้างนอก อาจจะเป็นโรงแรม แล้วเราก็จะเข้าไปสร้างสนามซ้อมชั่วคราว เรื่องนี้ก็จะคุยกับสมาคมกีฬาฟุตบอลอีกที รวมทั้งตัวนักกีฬา สตาฟฟ์ เจ้าหน้าที่ จำเป็นจะต้องเข้ารับการฉีดวัคซีน และทำการตรวจหาเชื้ออย่างละเอียด พร้อมทั้งต้องปฏิบัติตามมาตรการของ ศบค.อย่างเคร่งครัดด้วย”

“บิ๊กป๋อม” กล่าวถึงเรื่องสนามที่จะใช้แข่งขันในฐานะเจ้าบ้านด้วยว่า “เรื่องนี้ก็สำคัญและมีรายละเอียดพอสมควร เพราะสนามหลักๆ ได้มีการเสนอสนาม บางกอก อารีนา กับนิมิบุตรไป แต่ปรากฏว่า ทั้ง 2 สนาม กลายเป็น โรงพยาบาลสนามไปแล้ว ขณะนี้ก็ประสานงานกับสนาม อินดอร์ สเตเดี้ยม หัวหมาก ก็อยู่ระหว่างการปรับปรุง อาจจะไม่ทันใช้งาน แต่ยังไงก็ขอดูผลการจับสลากในวันที่ 27 เม.ย. นี้ก่อนว่าจะแข่งวันไหน เรื่องสนามยังไงเราก็ต้องบริการจัดการให้ทัน แต่ถ้าไม่มีจริงๆ จะต้องไปเล่นสนามกลางหรือไม่ ก็เป็นอีกแนวทางที่คิดไว้ในแผน”

Football Sponsored
ฟุตบอล

ฟุตบอลเป็นกีฬาที่นิยมเล่นมากที่สุดในประเทศไทย โดยเริ่มเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2440 และฟุตบอลทีมชาติไทยได้ร่วมเป็นสมาชิกฟีฟ่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2468 นับว่าเป็นประเทศแรกของโซนเอเชียที่เป็นสมาชิกฟีฟ่า แต่เป็นทีมที่ในอดีตไม่ประสบความสำเร็จในระดับไหนเลย แต่ได้เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพเอเชียนคัพ 2007 ในอดีตประเทศไทยไม่ค่อยสนับสนุนนักฟุตบอลอาชีพนัก นักเตะจึงนิยมไปค้าแข้งกับประเทศอื่นที่มีการสนับสนุนดีกว่า แต่หลังจากปี พ.ศ. 2552 ฟุตบอลอาชีพไทยเริ่มตื่นตัว เนื่องจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียตั้งกฎข้อบังคับให้แต่ละสโมสรจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่มีสโมสรองค์กร รัฐวิสาหกิจ ปรับตัวไม่ได้ จึงต้องมีการยุบทีมทิ้ง หรือขายทีมไป หลังจากไทยพรีเมียร์ลีก 2552 เริ่มขึ้น แฟนบอลเริ่มเข้ามาชมเกมส์ในสนามมากขึ้น เงินเดือนนักเตะสูงขึ้น การจัดการของแต่ละสโมสรดีขึ้น ลีกไทยค่อย ๆ พัฒนาเป็นระดับ ส่งผลทำให้นักฟุตบอลที่เคยไปค้าแข้งต่างแดนกลับมายังประเทศไทย เนื่องจากค่าตอบแทนไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ผลงานทีมชาติกลับสวนทางเพราะว่าต้องใช้เวลาปรับตัว เนื่องจากยุคที่ลีกบ้านเรายังไม่เจริญนักฟุตบอลมีเวลาเตรียมทีมเยอะ แต่ปัจจุบันแทบจะไม่ค่อยมีเวลาเพราะสโมสรเรียกเก็บตัวซ้อมเพื่อการแข่งขัน นักเตะจึงต้องใช้เวลาปรับตัว แต่ถือว่าฟุตบอลของประเทศไทยพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพราะหลังจากนั้นเพียง 2 ปี แฟนบอลหันมาเชียร์ทีมในจังหวัดตัวเองมากขึ้น ทีมกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ส่งผลทำให้เกิดท้องถิ่นนิยม จึงเป็นที่มาที่แฟนบอลไทยเข้าไปชมเกมฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 และดิวิชั่น 2 มากขึ้นนั่นเอง

This website uses cookies.