Football Sponsored

คิดไวทำไว “สเปน” ตั้งกุนซือใหม่ หลังปลด “เอ็นริเก” เหตุตกรอบ 16 ทีม ฟุตบอลโลก 2022

Football Sponsored
Football Sponsored

วันที่ 8 ธันวาคม 2565 สหพันธ์ฟุตบอลสเปน ประกาศแยกทางกับ หลุยส์ เอ็นริเก ผู้จัดการทีมชาติสเปน หลังเดินทางกลับมาจากกาตาร์ไม่ถึง 24 ชั่วโมง ยุติการร่วมงานกันตั้งแต่ปี 2018 หลังจากตกรอบ 16 ทีม ฟุตบอลโลก 2022

ทั้งนี้ หลุยส์ เอ็นริเก เคยพา สเปน เข้าถึงรอบรองชนะเลิศ ในศึกยูโร 2020 ก่อนถูกวิจารณ์มากขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าจะเริ่มต้นศึกฟุตบอลโลก 2022 ด้วยการถล่ม คอสตาริกา 7-0 ในรอบแบ่งกลุ่ม นัดแรก กลุ่มอี แต่หลังจากนั้นก็เสมอ เยอรมนี 1-1 ก่อนแพ้ ญี่ปุ่น 1-2

กระทั่งล่าสุด สเปน ก็ทำได้แค่เสมอ โมร็อกโก 0-0 ในเวลา 120 นาที ก่อนดวลจุดโทษแพ้ 0-3 ตกรอบ 16 ทีมไปแบบชอกช้ำ ทั้งที่ เอ็นริเก เคยบอกว่ามีการซ้อมยิงจุดโทษเกิน 1,000 ครั้ง นับตั้งแต่แพ้ อิตาลี ในยูโร 2020 รอบรองชนะเลิศ เป็นเหตุให้ถูกโจมตีเรื่องสไตล์การเล่นที่เน้นการต่อบอลมากเกินไปจนน่าเบื่อ ซึ่งเกมเจอ ญี่ปุ่น และ โมร็อกโก มีการต่อบอลกันเกิน 1,000 ครั้ง แต่ไม่สามารถหาโอกาสยิงประตู เพื่อเอาชนะได้

ด้าน สหพันธ์ฟุตบอลสเปน แถลงถึงการแยกทางกันในครั้งนี้ว่า “ขอขอบคุณ หลุยส์ เอ็นริเก และสตาฟฟ์โค้ชทั้งหมดของเขากับการคุมทีมชาติสเปนในช่วงที่ผ่านมา ฝ่ายบริหารกีฬาของสหพันธ์ได้ส่งรายงานไปยังประธานแล้ว ซึ่งพิจารณาว่าควรเริ่มต้นโครงการใหม่สำหรับทีมชาติสเปน โดยมีเป้าหมายเพื่อสานต่อการเติบโตที่ประสบความสำเร็จในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา สหพันธ์ฟุตบอลสเปน ขออวยพรให้ หลุยส์ เอ็นริเก และทีมงานของเขาโชคดีกับหน้าที่การงานในอนาคต”

ล่าสุด สหพันธ์ฟุตบอลสเปน ประกาศแต่งตั้ง หลุยส์ เด ลา ฟวนเต เข้ามาเป็นกุนซือทีมชาติสเปนคนใหม่แล้ว ซึ่งโค้ชวัย 61 ปี ประสบความสำเร็จกับการคุมทีมเยาวชน “กระทิงดุ” โดยพาทีมได้แชมป์ยุโรป ชุดยู-19 เมื่อปี 2015, แชมป์ยุโรป ชุดยู-21 เมื่อปี 2019 และเหรียญเงินโอลิมปิก 2020 ที่ญี่ปุ่น กับทีมชุดยู-23

Football Sponsored
ฟุตบอล

ฟุตบอลเป็นกีฬาที่นิยมเล่นมากที่สุดในประเทศไทย โดยเริ่มเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2440 และฟุตบอลทีมชาติไทยได้ร่วมเป็นสมาชิกฟีฟ่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2468 นับว่าเป็นประเทศแรกของโซนเอเชียที่เป็นสมาชิกฟีฟ่า แต่เป็นทีมที่ในอดีตไม่ประสบความสำเร็จในระดับไหนเลย แต่ได้เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพเอเชียนคัพ 2007 ในอดีตประเทศไทยไม่ค่อยสนับสนุนนักฟุตบอลอาชีพนัก นักเตะจึงนิยมไปค้าแข้งกับประเทศอื่นที่มีการสนับสนุนดีกว่า แต่หลังจากปี พ.ศ. 2552 ฟุตบอลอาชีพไทยเริ่มตื่นตัว เนื่องจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียตั้งกฎข้อบังคับให้แต่ละสโมสรจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่มีสโมสรองค์กร รัฐวิสาหกิจ ปรับตัวไม่ได้ จึงต้องมีการยุบทีมทิ้ง หรือขายทีมไป หลังจากไทยพรีเมียร์ลีก 2552 เริ่มขึ้น แฟนบอลเริ่มเข้ามาชมเกมส์ในสนามมากขึ้น เงินเดือนนักเตะสูงขึ้น การจัดการของแต่ละสโมสรดีขึ้น ลีกไทยค่อย ๆ พัฒนาเป็นระดับ ส่งผลทำให้นักฟุตบอลที่เคยไปค้าแข้งต่างแดนกลับมายังประเทศไทย เนื่องจากค่าตอบแทนไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ผลงานทีมชาติกลับสวนทางเพราะว่าต้องใช้เวลาปรับตัว เนื่องจากยุคที่ลีกบ้านเรายังไม่เจริญนักฟุตบอลมีเวลาเตรียมทีมเยอะ แต่ปัจจุบันแทบจะไม่ค่อยมีเวลาเพราะสโมสรเรียกเก็บตัวซ้อมเพื่อการแข่งขัน นักเตะจึงต้องใช้เวลาปรับตัว แต่ถือว่าฟุตบอลของประเทศไทยพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพราะหลังจากนั้นเพียง 2 ปี แฟนบอลหันมาเชียร์ทีมในจังหวัดตัวเองมากขึ้น ทีมกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ส่งผลทำให้เกิดท้องถิ่นนิยม จึงเป็นที่มาที่แฟนบอลไทยเข้าไปชมเกมฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 และดิวิชั่น 2 มากขึ้นนั่นเอง

This website uses cookies.