เผย “ญี่ปุ่น” ชนะได้ แม้ครองบอลน้อยสุดอันดับ 2 ในฟุตบอลโลก หลังโค่น “เยอรมนี”
วันที่ 23 พฤศจิกายน 2565 ควันหลงคู่พลิกล็อกในศึกฟุตบอลโลก 2022 คู่ที่ 2 ของวันนี้ ที่สนามคาลิฟา อินเตอร์เนชันแนล สเตเดียม เมืองอัล รายยาน ประเทศกาตาร์ ซึ่ง ทีมชาติญี่ปุ่น อันดับ 24 ของโลก หักปากกาเซียนเอาชนะ ทีมชาติเยอรมนี อันดับ 11 ของโลก ในรอบแบ่งกลุ่ม นัดแรก กลุ่มอี ด้วยสกอร์ 2-1
ล่าสุด ออปตา อนาลิสต์ (Opta Analyst) เปิดเผยสถิติที่น่าสนใจว่า ญี่ปุ่น สามารถเอาชนะ เยอรมนี ได้ แม้ครองบอลตลอด 90 นาที เพียงแค่ 26.2 เปอร์เซ็นต์ กลายเป็นทีมที่ชนะได้แม้ครองบอลน้อยที่สุดเป็นอันดับ 2 ในศึกฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย
ส่วนสถิติอันดับ 1 เป็นของ ทีมชาติเกาหลีใต้ ในเกมที่ชนะ เยอรมนี อีกเช่นกัน ในฟุตบอลโลก 2018 รอบแบ่งกลุ่ม นัดสุดท้าย กลุ่มเอฟ ซึ่ง “โสมขาว” สยบ “อินทรีเหล็ก” ด้วยสกอร์ 2-0 แม้ครองบอลได้เพียงแค่ 26 เปอร์เซ็นต์
ญี่ปุ่น ยังมีโปรแกรมอีก 2 นัดในกลุ่มอี พบกับ คอสตาริกา 27 พฤศจิกายน และ สเปน 1 ธันวาคม
ฟุตบอลฟุตบอลเป็นกีฬาที่นิยมเล่นมากที่สุดในประเทศไทย โดยเริ่มเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2440 และฟุตบอลทีมชาติไทยได้ร่วมเป็นสมาชิกฟีฟ่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2468 นับว่าเป็นประเทศแรกของโซนเอเชียที่เป็นสมาชิกฟีฟ่า แต่เป็นทีมที่ในอดีตไม่ประสบความสำเร็จในระดับไหนเลย แต่ได้เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพเอเชียนคัพ 2007 ในอดีตประเทศไทยไม่ค่อยสนับสนุนนักฟุตบอลอาชีพนัก นักเตะจึงนิยมไปค้าแข้งกับประเทศอื่นที่มีการสนับสนุนดีกว่า แต่หลังจากปี พ.ศ. 2552 ฟุตบอลอาชีพไทยเริ่มตื่นตัว เนื่องจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียตั้งกฎข้อบังคับให้แต่ละสโมสรจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่มีสโมสรองค์กร รัฐวิสาหกิจ ปรับตัวไม่ได้ จึงต้องมีการยุบทีมทิ้ง หรือขายทีมไป หลังจากไทยพรีเมียร์ลีก 2552 เริ่มขึ้น แฟนบอลเริ่มเข้ามาชมเกมส์ในสนามมากขึ้น เงินเดือนนักเตะสูงขึ้น การจัดการของแต่ละสโมสรดีขึ้น ลีกไทยค่อย ๆ พัฒนาเป็นระดับ ส่งผลทำให้นักฟุตบอลที่เคยไปค้าแข้งต่างแดนกลับมายังประเทศไทย เนื่องจากค่าตอบแทนไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ผลงานทีมชาติกลับสวนทางเพราะว่าต้องใช้เวลาปรับตัว เนื่องจากยุคที่ลีกบ้านเรายังไม่เจริญนักฟุตบอลมีเวลาเตรียมทีมเยอะ แต่ปัจจุบันแทบจะไม่ค่อยมีเวลาเพราะสโมสรเรียกเก็บตัวซ้อมเพื่อการแข่งขัน นักเตะจึงต้องใช้เวลาปรับตัว แต่ถือว่าฟุตบอลของประเทศไทยพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพราะหลังจากนั้นเพียง 2 ปี แฟนบอลหันมาเชียร์ทีมในจังหวัดตัวเองมากขึ้น ทีมกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ส่งผลทำให้เกิดท้องถิ่นนิยม จึงเป็นที่มาที่แฟนบอลไทยเข้าไปชมเกมฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 และดิวิชั่น 2 มากขึ้นนั่นเอง
This website uses cookies.