Football Sponsored

'ก็องเต' ขึ้นเขียงผ่าตัดพักยาว 4 เดือน ชวดลุยฟุตบอลโลก 2022

Football Sponsored
Football Sponsored

เอ็นโกโล ก็องเต กองกลางพลังไดนาโมของทีม “สิงห์บลูส์” เชลซี ยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เข้ารับการผ่าตัดบริเวณกล้ามเนื้อต้นขาด้านหลัง หรือแฮมตริง ต้องพักฟื้นอย่างน้อย 4 เดือน หมดสิทธิ์เข้าร่วมฟุตบอลโลก 2022 ที่ประเทศกาตาร์ เป็นที่แน่นอนแล้ว

มิดฟิลด์ตัวเก่งวัย 31 ปี ได้รับบาดเจ็บจากเกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่ต้นสังกัดของเขาเสมอกับ “ไก่เดือยทอง” ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ 2-2 เมื่อวันที่ 14 สิงหาคมที่ผ่านมา

ก่อนหน้านี้เจ้าตัวพยายามเรียกความฟิตกลับมาอย่างช้าๆ แต่ดันต้องมาเจอข่าวร้ายซ้ำซ้อน หลังบาดเจ็บซ้ำระหว่างการฝึกซ้อมสัปดาห์ที่แล้ว จึงต้องรับการผ่าตัดที่แฮมสตริงในที่สุด

แถลงการณ์ของ “สิงโตน้ำเงินคราม” ระบุว่า “เอ็นโกโล ก็องเต เข้ารับการผ่าตัดรักษาอาการเจ็บแฮมสตริง เขาพบผู้เชี่ยวชาญพร้อมกับแพทย์ประจำสโมสร เพื่อหาทางเลือกสำหรับการทำกายภาพบำบัด และมีการตกลงกับ เอ็นโกโล ว่าจะผ่าตัดเพื่อเยียวยา หลังการผ่าตัดเสร็จสิ้น คาดว่า เอ็นโกโล ต้องพัก 4 เดือน”

การตัดสินใจผ่าตัดเกิดขึ้นหลัง เกรแฮม พ็อตเตอร์ กุนซือใหญ่ของทีมเชลซี ออกมายอมรับตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้วว่ารู้สึกกังวลเกี่ยวกับความฟิตของมิดฟิลด์ชาวฝรั่งเศส ซึ่งพลาดลงสนาม 57 เกม นับตั้งแต่ศึกยูฟ่า ยูโรปา ลีก รอบชิงชนะเลิศ ปี 2019

“ตามประวัติ มีหลายๆ สิ่งเกิดขึ้น ซึ่งมันน่าเป็นห่วง เราต้องจัดการถึงต้นตอ มันเป็นการบาดเจ็บซ้ำในขั้นตอนสุดท้ายของการฟื้นฟู นั่นคือจุดที่น่าเป็นห่วง”

“แต่สิ่งที่เราทำได้ คือ การวินิจฉัยอย่างแม่นยำ และการหารือกับผู้เชี่ยวชาญ แล้วช่วยให้เขากลับมาฟิตเต็มร้อย และสนุกกับการเล่นฟุตบอล” พ็อตเตอร์ กล่าว

สำหรับเอ็นโกโล ก็องเต จะหมดสัญญากับ “สิงห์บลูส์” หลังสิ้นสุดฤดูกาลนี้ โดยเจ้าตัวติดธงทัพ “ตราไก่” ไปแล้ว 53 นัด รวมถึงเป็นหนึ่งในขุนพลชุดแชมป์โลก ปี 2018 ที่ประเทศรัสเซียอีกด้วย

ก่อนหน้านี้อีกหนึ่งนักเตะจากเวทีพรีเมียร์ลีก อังกฤษ อย่าง ดิโอโก โชตา ดาวยิงตัวเก่งของทีมลิเวอร์พูล ได้รับบาดเจ็บไปก่อนหน้า และเจอร์เกน คล็อปป์ กุนซือใหญ่ ออกมาคอนเฟิร์มว่าเจ้าตัวมีโอกาสสูงที่จะหมดสิทธิ์ช่วยทีมชาติโปรตุเกสในเวิลด์ คัพ 2022 ที่กาตาร์ ปลายปีนี้

Football Sponsored
ฟุตบอล

ฟุตบอลเป็นกีฬาที่นิยมเล่นมากที่สุดในประเทศไทย โดยเริ่มเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2440 และฟุตบอลทีมชาติไทยได้ร่วมเป็นสมาชิกฟีฟ่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2468 นับว่าเป็นประเทศแรกของโซนเอเชียที่เป็นสมาชิกฟีฟ่า แต่เป็นทีมที่ในอดีตไม่ประสบความสำเร็จในระดับไหนเลย แต่ได้เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพเอเชียนคัพ 2007 ในอดีตประเทศไทยไม่ค่อยสนับสนุนนักฟุตบอลอาชีพนัก นักเตะจึงนิยมไปค้าแข้งกับประเทศอื่นที่มีการสนับสนุนดีกว่า แต่หลังจากปี พ.ศ. 2552 ฟุตบอลอาชีพไทยเริ่มตื่นตัว เนื่องจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียตั้งกฎข้อบังคับให้แต่ละสโมสรจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่มีสโมสรองค์กร รัฐวิสาหกิจ ปรับตัวไม่ได้ จึงต้องมีการยุบทีมทิ้ง หรือขายทีมไป หลังจากไทยพรีเมียร์ลีก 2552 เริ่มขึ้น แฟนบอลเริ่มเข้ามาชมเกมส์ในสนามมากขึ้น เงินเดือนนักเตะสูงขึ้น การจัดการของแต่ละสโมสรดีขึ้น ลีกไทยค่อย ๆ พัฒนาเป็นระดับ ส่งผลทำให้นักฟุตบอลที่เคยไปค้าแข้งต่างแดนกลับมายังประเทศไทย เนื่องจากค่าตอบแทนไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ผลงานทีมชาติกลับสวนทางเพราะว่าต้องใช้เวลาปรับตัว เนื่องจากยุคที่ลีกบ้านเรายังไม่เจริญนักฟุตบอลมีเวลาเตรียมทีมเยอะ แต่ปัจจุบันแทบจะไม่ค่อยมีเวลาเพราะสโมสรเรียกเก็บตัวซ้อมเพื่อการแข่งขัน นักเตะจึงต้องใช้เวลาปรับตัว แต่ถือว่าฟุตบอลของประเทศไทยพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพราะหลังจากนั้นเพียง 2 ปี แฟนบอลหันมาเชียร์ทีมในจังหวัดตัวเองมากขึ้น ทีมกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ส่งผลทำให้เกิดท้องถิ่นนิยม จึงเป็นที่มาที่แฟนบอลไทยเข้าไปชมเกมฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 และดิวิชั่น 2 มากขึ้นนั่นเอง

This website uses cookies.