Football Sponsored

จอห์น โอบี มิเกล : ความจริงที่ว่าผมไม่ได้ชื่อ Mikel | Goal.com ภาษาไทย

Football Sponsored
Football Sponsored

กองกลางชาวไนจีเรียมีชื่อเสียงสมัยเคยค้าแข้งกับเชลซี แต่กลับมีน้อยคนนักที่จะรู้จักชื่อจริงของเขา…

จอห์น โอบี มิเกล เป็นที่รู้จักกันดีในหมู่คอบอลพรีเมียร์ลีก จากการที่เคยมาค้าแข้งกับเชลซียาวนานหลายปี แต่กลับมีน้อยคนนักที่จะรู้ว่าชื่อใช้ในวงการฟุตบอลนั้นกลับไม่ใช่ชื่อที่แท้จริงของเขา

ดาวเตะวัย 35 ปี ประสบความสำเร็จสูงสุดทั้งในระดับสโมสร ด้วยการคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อปี 2012 กับเชลซี รวมถึงพาทีมชาติไนจีเรียคว้าแชมป์แอฟริกา คัพ ออฟ เนชั่นส์ เมื่อปี 2013

อย่างไรก็ตาม เรื่องราวเบื้องหลังชื่อของเขากลับมีความซับซ้อนซ่อนเงื่อน เมื่อทางสหพันธ์ฟุตบอลไนจีเรียดันไปลงทะเบียนชื่อของเขาโดยใช้ชื่อปลอม

จุดเริ่มต้นของความผิดพลาดนี้ เกิดขึ้นในการแข่งขันฟุตบอลโลกรุ่น U17 เมื่อปี 2003 ซึ่งทางไนจีเรียดันไปใส่ชื่อของเขาเป็น “มิเกล” (Mikel) ทั้งที่ชื่อจริงของนักเตะคือ John Michael Nchekwube Obinna

ชื่อของเขาเพี้ยนกลายเป็น มิเกล เนื่องจากข้อผิดพลาดในการลงทะเบียน เพราะเจ้าหน้าที่ของไนจีเรียดันใส่ชื่อนักเตะไม่ถูกต้อง และส่งผลให้ชื่อที่ติดบนหลังเสื้อแข่งของนักเตะต้องติดว่า Mikel ไปด้วย

ขณะที่ตัวของ จอห์น โอบี มิเกล เคยเล่าถึงเรื่องนี้ในรายการวิทยุ ‘Beyond the Game’ ไว้ว่า

“ผมได้ไปเล่นให้ทีมชาติในรายการของชุด U17 และพวกเขาสะกดชื่อของผมผิด”

“ผมเห็นชื่อที่ติดหลังเสื้อแข่งของผม แล้วผมก็แบบว่า อะไรกัน นี่ไม่ใช่ชื่อผม”

ทว่าการได้มารับรู้ความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่ทีมในช่วงก่อนเริ่มเกมเพียงแค่ 20 นาทีเท่านั้น ก็ทำให้ไม่สามารถแก้ไขความผิดพลาดได้ทัน และต้องปล่อยเลยตามเลย

“ผมเล่นเกมนั้นได้ดีเลยนะ (มิเกลกล่าวพร้อมหัวเราะแบบติดตลกไปด้วย) และก่อนเกมต่อมา พวกเขามาถามผมว่า เราควรแก้ไขชื่อไหม แต่ผมบอกไปว่าปล่อยมันไว้แบบนั้นแหละ”

และนั่นก็ส่งผลให้ ‘Michael’ กลายเป็น ‘Mikel’ ตั้งแต่นั้นมา

เขาตัดสินใจลงเล่นโดยใช้ชื่อว่า “มิเกล ต่อไปเรื่อย ๆ จนถึงขั้นที่ภายหลังก็ตัดสินใจเปลี่ยนชื่อทางการของตัวเองให้กลายเป็น “จอห์น โอบี มิเกล” (John Obi Mikel)

อย่างไรก็ตาม ความอลวนเรื่องชื่อของเขายังไม่จับแค่นี้

ในปี 2016 ซึ่งเขาตัดสินใจย้ายไปค้าแข้งในประเทศจีน เขาตัดสินใจลงทะเบียนโดยสลับตำแหน่งชื่อและนามสกุลของตัวเองให้กลายเป็น “มิเกล จอห์น โอบี” (Mikel John Obi)

สาเหตุการสนับตำแหน่งชื่อและนามสกุล เนื่องจากเขาต้องการให้ชื่อนำหน้าของตัวเองกลายเป็น มิเกล ซึ่งถือเป็นชื่อมงคลตามหลักศาสนาคริสต์ที่นับถือ และเปลี่ยนเอาชื่อจริงก่อนหน้านี้อย่าง จอห์น โอบี ให้มากลายเป็นนามสกุล

กระนั้นเขาก็ยังคงเลือกติดชื่อหลังเสื้อแข่งเป็น Mikel ต่อไป เพราะไม่อยากให้แฟนบอลที่ซื้อเสื้อแข่งของเขาสับสนนั่นเอง

มิเกล ไม่ได้มีความสนใจเพียงแค่เรื่องชื่อของเขา เพราะผลงานในสนามกับเชลซีก็ประสบความสำเร็จด้วยการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 3 สมัย, เอฟเอ คัพ 3 สมัย, ลีก คัพ 1 สมัย, คอมมิวนิตี้ ชิลด์ 1 สมัย รวมถึงในระดับยุโรปก็เคยได้ทั้งแชมป์ UCL และยูโรป้า ลีก

หลังย้ายออกจากถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ เขาพเนจรไปค้าแข้งให้กับเทียนจิน เต๋อด้า, มิดเดิ้ลสโบรห์, แทร็บซอนสปอร์ รวมถึงสโต๊ค ซิตี้

ขณะที่สโมสรล่าสุดคือ คูเวต เอสซี ซึ่งเขากลายเป็นนักเตะไร้สังกัดนับตั้งแต่หมดสัญญากับสโมสรเมื่อเดือนพฤศจิกายนในปี 2021 โดยที่ก็ยังไม่ได้ตัดสินใจประกาศแขวนสตั๊ดแต่อย่างใด

และเชื่อว่าแฟนบอลของเชลซีจะไม่มีทางลืมชื่อของ มิเกล ไปได้อย่างแน่นอน แม้ว่านี่จะไม่ใช่ชื่อจริงที่ถูกต้องของเขาแต่แรกก็ตาม…

Football Sponsored
ฟุตบอล

ฟุตบอลเป็นกีฬาที่นิยมเล่นมากที่สุดในประเทศไทย โดยเริ่มเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2440 และฟุตบอลทีมชาติไทยได้ร่วมเป็นสมาชิกฟีฟ่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2468 นับว่าเป็นประเทศแรกของโซนเอเชียที่เป็นสมาชิกฟีฟ่า แต่เป็นทีมที่ในอดีตไม่ประสบความสำเร็จในระดับไหนเลย แต่ได้เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพเอเชียนคัพ 2007 ในอดีตประเทศไทยไม่ค่อยสนับสนุนนักฟุตบอลอาชีพนัก นักเตะจึงนิยมไปค้าแข้งกับประเทศอื่นที่มีการสนับสนุนดีกว่า แต่หลังจากปี พ.ศ. 2552 ฟุตบอลอาชีพไทยเริ่มตื่นตัว เนื่องจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียตั้งกฎข้อบังคับให้แต่ละสโมสรจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่มีสโมสรองค์กร รัฐวิสาหกิจ ปรับตัวไม่ได้ จึงต้องมีการยุบทีมทิ้ง หรือขายทีมไป หลังจากไทยพรีเมียร์ลีก 2552 เริ่มขึ้น แฟนบอลเริ่มเข้ามาชมเกมส์ในสนามมากขึ้น เงินเดือนนักเตะสูงขึ้น การจัดการของแต่ละสโมสรดีขึ้น ลีกไทยค่อย ๆ พัฒนาเป็นระดับ ส่งผลทำให้นักฟุตบอลที่เคยไปค้าแข้งต่างแดนกลับมายังประเทศไทย เนื่องจากค่าตอบแทนไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ผลงานทีมชาติกลับสวนทางเพราะว่าต้องใช้เวลาปรับตัว เนื่องจากยุคที่ลีกบ้านเรายังไม่เจริญนักฟุตบอลมีเวลาเตรียมทีมเยอะ แต่ปัจจุบันแทบจะไม่ค่อยมีเวลาเพราะสโมสรเรียกเก็บตัวซ้อมเพื่อการแข่งขัน นักเตะจึงต้องใช้เวลาปรับตัว แต่ถือว่าฟุตบอลของประเทศไทยพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพราะหลังจากนั้นเพียง 2 ปี แฟนบอลหันมาเชียร์ทีมในจังหวัดตัวเองมากขึ้น ทีมกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ส่งผลทำให้เกิดท้องถิ่นนิยม จึงเป็นที่มาที่แฟนบอลไทยเข้าไปชมเกมฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 และดิวิชั่น 2 มากขึ้นนั่นเอง

This website uses cookies.