Football Sponsored

อันเลน โวยเปิดซีซั่นไปแล้ว 2 เดือนแต่ได้แข่งแค่ 2 รายการเท่านั้น – Siamsport

Football Sponsored
Football Sponsored

“เดอะพิสตอล” มาร์ค อัลเลน นักสอยคิวมือ 14 ของโลกจากไอร์แลนด์เหนือ ชักทนไม่ไหวกับโปรแกรมการแข่งขันของเวิลด์สนุกเกอร์ทัวร์ (WST) ที่น้อยเกินไป จึงออกมาตัดพ้อผ่านสื่อ พร้อมกับชี้ว่าหากปล่อยให้เป็นแบบนี้ การแข่งขันสนุกเกอร์อาชีพโลก มีแต่จะแย่ลงเรื่อยๆ

สืบเนื่องมาจากไวรัสโควิด-19 ระบาดตั้งแต่ช่วงปลายปี 2019 จึงทำให้ 5 รายการแข่งขันที่จีน ไม่ว่าจะเป็น ศึกอินเตอร์เนชั่นแนลแชมเปี้ยนชิพ, ไชน่าแชมเปี้ยนชิพ, เวิลด์โอเพ่น, เซี่ยงไฮ้มาสเตอร์ส และ ไชน่าโอเพ่น ซึ่งแต่ละทัวร์นาเมนต์ ล้วนแล้วแต่ที่มีเงินรางวัลให้ชิงชัยสูงทั้งนั้น ไม่สามารถจัดการแข่งขันได้ เป็นเวลานานกว่า 3 ปีเข้าให้แล้ว และยังไม่มีกำหนดรีเทิร์น

ที่เป็นแบบนี้เนื่องจากรัฐบาลแดนมังกร ไม่ยอมเปิดประเทศเสียที และยังไม่อนุญาตให้ประเทศของเขา เป็นเจ้าภาพจัดกีฬารายการระดับนานาชาติด้วย สนุกเกอร์อาชีพโลกจึงโดนหางเลข แม้สถานการณ์โควิดปัจจุบัน จะดีขึ้นแล้วก็ตาม

ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้นักกีฬาหลายคน ต่างออกมาคร่ำครวญไปกันเป็นแถว เพราะรายการที่จีน ให้เงินรางวัลมากกว่าในอังกฤษหรือยุโรปหลายเท่าตัว

เรื่องนี้ “หมู ปากน้ำ” นพพล แสงคำ นักสอยคิวมือ 38 ของโลกชาวไทย เคยกล่าวไว้ว่า ตกรอบเดียวกันก็จริง แต่เงินรางวัลในรายการที่จีน ให้มากกว่าอังกฤษถึง 3 เท่าตัวเลยทีเดียว

อัลเลน ได้กล่าวว่า ตั้งแต่เริ่มฤดูกาล 2022-2023 เมื่อปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน มีทัวร์นาเมนต์ให้ชิงชัย(ไม่นับรอบคัดเลือก)เพียง 2 รายการเท่านั้น

แถมรายการอย่างแชมเปี้ยนชิพลีก เงินรางวัลก็มีเพียงน้อยนิด โดยแชมป์ได้เพียง 33,000 ปอนด์ หรือแค่ราวๆ 1.4 ล้านบาท แทบไม่ได้ช่วยให้นักสอยคิวทั้ง 128 คนในทัวร์อาชีพ ลืมตาอ้าปากได้เลย

ส่วนฤดูกาลปัจจุบัน แม้ว่าเวิลด์สนุกเกอร์ทัวร์ (WST) จะเพิ่มรายการอย่างฮ่องกงมาสเตอร์สและคู่ผสมชิงแชมป์โลกเข้ามา ทว่าทั้ง 2 รายการดังกล่าว จะเชิญนักสอยคิวเพียง 8 คนมาร่วมล่าเงินรางวัลเท่านั้น ผู้เล่นในทัวร์อีกร้อยกว่าชีวิต ไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย จากการเพิ่ม 2 ทัวร์นาเมนต์นี้เข้ามา

นักสอยคิวจากไอร์แลนด์เหนือยังกล่าวอีกว่า เรื่องนี้ไม่รู้จะโทษใครดี และไม่ใช่ความผิดของเวิลด์สนุกเกอร์ทัวร์(WST) ด้วย เพราะโควิดมันอยู่นอกเหนือการควบคุม

แต่หากยังปล่อยให้เป็นแบบนี้ ศึกสอยคิวอาชีพโลกจะถอยหลังลงคลองเรื่อยๆ นักสนุกเกอร์จากทวีปอื่น ที่อยู่ห่างจากบ้านหลายพันไมล์ จะขาดรายได้ในการใช้ชีวิตต่างแดน และจะค่อยๆล้มหายไปจากทัวร์อาชีพเอง

นอกจากนี้ อัลเลน ยังกล่าวถึง แบร์รี่ เฮิร์น อดีตประธานเวิลด์สนุกเกอร์ทัวร์ด้วยว่า แม้ในอดีต เฮิร์น จะสร้างความมหัศจรรย์ ช่วยทำให้วงการพัฒนาขึ้น ยกระดับให้ศึกสอยคิวอาชีพโลกมีรายการมากขึ้น จากซีซั่นละ 10 กว่ารายการ ขึ้นไปเป็นฤดูกาลละ 20 กว่าทัวร์นาเมนต์ แถมยังมีเงินรางวัลให้ชิงชัยมากขึ้นเป็นทวีคูณอีกต่างหาก

แต่พอโควิดโผล่ขึ้นมาซ่าบนโลกมนุษย์ ท่านอดีตประธานเฮิร์นกลับวางมือไปดื้อๆ ไม่อยู่เคียงข้างนักสนุกเกอร์เหมือนเดิม โดย สตีเฟ่น ดอว์สัน ได้ขึ้นมานั่งเก้าอี้แทนเมื่อปีก่อน มันเป็นการกระทำที่บ่งชี้ว่า แบร์รี่ เฮิร์น รู้ดีมาโดยตลอด ว่าศึกสนุกเกอร์อาชีพโลก จะต้องเจอกับสภาวะการเงินที่ฝืดเคือง จึงรีบชิงลงจากตำแหน่งไปก่อนเพื่อหนีปัญหา และปล่อยให้นักสอยคิวในทัวร์ เผชิญกับปัญหาตามยะถากรรม

ทั้งนี้ หลายคนลุ้นให้จีนกลับมาเปิดประเทศ เพื่อให้การแข่งขันสนุกเกอร์อาชีพโลก 5 รายการเงินหนาที่จีนกลับมาอีกหน อันจะช่วยให้บรรดานักสอยคิวในทัวร์ ได้มีเงินรางวัลจากการแข่งขันไปหล่อเลี้ยงชีวิต

ทว่าเมื่อดูจากสภาพเศรษฐกิจจีน ณ เวลานี้ ก็ไม่ได้ดีเหมือนแต่ก่อน หลายๆบริษัทยักษ์ใหญ่ที่เคยได้กำไรต่อปีเป็นกอบเป็นกำ จนสามารถหนุนวงการกีฬาด้วยเม็ดเงินมหาศาล ได้พังครืนไม่เป็นท่า เพราะพิษโควิดเป็นเหตุ

ดูได้จากสโมสรฟุตบอลในศึกไชนีสซูเปอร์ลีกหลายทีม ที่เมื่อหลายปีก่อนกล้าดึงดาวเตะระดับโลกหลายคนมาโชว์ฝีเท้าในแดนมังกร ไม่ว่าจะเป็น คาร์ลอส เตเวซ, เอเซเกล ลาเวซซี่, มารูยาน เฟลไลนี่, ยานนิค การาสโก, สเตฟาน เอลชาราวี่ และคนอื่นๆอีกมากมาย

แถมบางสโมสรยังอาจหาญกล้าทุ่มเม็ดเงินหยวนจำนวนมหาศาล จ้างโค้ชบิ๊กเนมระดับโลกอย่าง มาร์เชโล่ ลิปปี้ และ ราฟาเอล เบนิเตซ มาสั่งการข้างสนามอีกต่างหาก แต่ก็ไม่เกิดขึ้นแล้วในยุคนี้

อีกทั้งบางทีมอย่าง เจียงซู ซู่หนิง ได้ประกาศยุบสโมสรไปแล้วเมื่อปีที่ผ่านมา ทั้งๆที่เพิ่งได้แชมป์ลีกสูงสุดของแดนมังกรไปหมาดๆ

สิ่งเหล่านี้ ได้บ่งบอกเป็นนัยยะว่า ต่อให้โควิดสูญพันธุ์ไปจากโลกในเร็วๆนี้ จีนอาจเปิดประเทศได้ แต่เศรษฐกิจประเทศพวกเขาคงไม่กลับมาเฟื่องฟูเหมือนเดิม

การจะลุ้นให้ศึกสอยคิวอาชีพโลก 5 รายการเงินหนาที่จีนหวนมาจัดอีกหนเหมือนยุคทองเมื่อวันวาน คงต้องทำใจรอกันไปอีกสักพักใหญ่

นั่งพิมพ์ไป ถอนหายใจไป เห้อ!!!

ถิรพัฒน์ ณ ลำปาง

Football Sponsored
ฟุตบอล

ฟุตบอลเป็นกีฬาที่นิยมเล่นมากที่สุดในประเทศไทย โดยเริ่มเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2440 และฟุตบอลทีมชาติไทยได้ร่วมเป็นสมาชิกฟีฟ่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2468 นับว่าเป็นประเทศแรกของโซนเอเชียที่เป็นสมาชิกฟีฟ่า แต่เป็นทีมที่ในอดีตไม่ประสบความสำเร็จในระดับไหนเลย แต่ได้เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพเอเชียนคัพ 2007 ในอดีตประเทศไทยไม่ค่อยสนับสนุนนักฟุตบอลอาชีพนัก นักเตะจึงนิยมไปค้าแข้งกับประเทศอื่นที่มีการสนับสนุนดีกว่า แต่หลังจากปี พ.ศ. 2552 ฟุตบอลอาชีพไทยเริ่มตื่นตัว เนื่องจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียตั้งกฎข้อบังคับให้แต่ละสโมสรจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่มีสโมสรองค์กร รัฐวิสาหกิจ ปรับตัวไม่ได้ จึงต้องมีการยุบทีมทิ้ง หรือขายทีมไป หลังจากไทยพรีเมียร์ลีก 2552 เริ่มขึ้น แฟนบอลเริ่มเข้ามาชมเกมส์ในสนามมากขึ้น เงินเดือนนักเตะสูงขึ้น การจัดการของแต่ละสโมสรดีขึ้น ลีกไทยค่อย ๆ พัฒนาเป็นระดับ ส่งผลทำให้นักฟุตบอลที่เคยไปค้าแข้งต่างแดนกลับมายังประเทศไทย เนื่องจากค่าตอบแทนไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ผลงานทีมชาติกลับสวนทางเพราะว่าต้องใช้เวลาปรับตัว เนื่องจากยุคที่ลีกบ้านเรายังไม่เจริญนักฟุตบอลมีเวลาเตรียมทีมเยอะ แต่ปัจจุบันแทบจะไม่ค่อยมีเวลาเพราะสโมสรเรียกเก็บตัวซ้อมเพื่อการแข่งขัน นักเตะจึงต้องใช้เวลาปรับตัว แต่ถือว่าฟุตบอลของประเทศไทยพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพราะหลังจากนั้นเพียง 2 ปี แฟนบอลหันมาเชียร์ทีมในจังหวัดตัวเองมากขึ้น ทีมกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ส่งผลทำให้เกิดท้องถิ่นนิยม จึงเป็นที่มาที่แฟนบอลไทยเข้าไปชมเกมฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 และดิวิชั่น 2 มากขึ้นนั่นเอง

This website uses cookies.