Football Sponsored

อดีตบอลบอยโดน อาซาร์ เตะมีชื่อวัยรุ่นรวยสุดในโลก2022 – Siamsport

Football Sponsored
Football Sponsored

ชาร์ลี มอร์แกน อดีตเด็กเก็บบอลคู่กรณีของ เอแด็น อาซาร์ เพลย์เมกเกอร์ชาวเบลเยียม ได้รับการจัดอันดับจาก “เดอะ ไทม์ส” นิตยสรด้านการเงินระดับโลก ให้อยู่ในกลุ่มวัยรุ่นที่ร่ำรวยที่สุดในโลกหลังมีทรัพย์สินประมาณ 40 ล้านปอนด์ (ราว 1,740 ล้านบาท)

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2013 โลกได้รู้จักหนุ่มน้อยที่ชื่อ มอร์แกน โดยเขาทำหน้าที่เด็กเก็บบอลของสโมสรสวอนซี ที่ต้องดวลกับ เชลซี ในศึกลีก คัพ (คาราบาว คัพ) รอบรองชนะเลิศ นัด 2

เหตุการณ์ฉาวที่โลกต้องจดจำเกิดขึ้นในช่วงนาทีที่ 80 เมื่อ มอร์แกน พยายามถ่วงเวลาให้ทีมรักด้วยการนอนทับลูกบอล ทำให้ อาซาร์ ซึ่งในเวลานั้นเล่นให้กับ เชลซี เกิดอาการตบะแตะใช้เท้าหวดเท้าไปที่ชายโครงของหนุ่มน้อยจนนอนดิ้น ส่วนจอมทัพชาวเบลเยียมโดนใบแดงไล่ออกไปโดยปริยาย

เรื่องราวฉาวโฉ่ดังกล่าวผ่านไป 9 ปีทั้งสองฝ่ายต่างแยกย้ายไปคนละทิศละทาง โดย อาซาร์ ลา “สิงห์บูลส์” ไปค้าแข้งกับ เรอัล มาดริด ส่วน มอร์แกน ได้ร่วมมือกับ แจ็คสัน คินน์ เพื่อนรักสร้างแบรนด์วอดก้าสุดหรู “Au Vodka” ในปี 2016 จนปัจจุบันโด่งดังเป็นพลุแตกมีขายทั่วโลก

สำหรับ “Au Vodka” เป็นแบรนด์วอดก้า สไตล์อังกฤษ ระดับอัลตร้าพรีเมี่ยม โดยจุดเด่นของผลิตภัณฑ์นี้ก็คือขวดที่ใช้บรรจุวอดก้าซึ่งมีความโดดเด่น และมีเอกลักษณ์ที่น่าสนใจอย่างมาก

บรรจุภัณฑ์สีทองทรงยาวซึ่งเป็นเครื่องหมายการค้าของ “Au Vodka” จะมีวอดก้าทั้งหมด 7 รสชาติ ซึ่งถูกนำไปวางจำหน่ายในห้างสรรพสินค้าเซลฟริดเจส, ฮาร์วี่ย์ นิโคลส์, เทสโก้ และ คอสโก้ เป็นต้น

จากจุดเริ่มต้นที่ผลิตวอดก้าได้ 2,000 ขวดต่อวันเพื่อส่งไปให้บาร์ท้องถิ่นในเมืองสวอนซี่ ปัจจุบันธุรกิจของ มอร์แกน และคินน์ เติบโตจนสามารถผลิตสินค้าได้ถึง 35,000 ขวดต่อวัน และส่งไปจำหน่ายถึง 40 ประเทศทั่วโลก

ล่าสุดมีการเปิดเผยจาก “The Numbers Game” ผ่านแพลตฟอร์มทวิตเตอร์ ระบุว่าเมื่อปีที่ผ่านมา มอร์แกน กับ คินน์ สามารถขายผลิตภัณฑ์น้ำเมาของพวกเขาได้มากกว่า 2 ล้านขวดโดยทำรายได้กว่า 40 ล้านปอนด์

Football Sponsored
ฟุตบอล

ฟุตบอลเป็นกีฬาที่นิยมเล่นมากที่สุดในประเทศไทย โดยเริ่มเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2440 และฟุตบอลทีมชาติไทยได้ร่วมเป็นสมาชิกฟีฟ่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2468 นับว่าเป็นประเทศแรกของโซนเอเชียที่เป็นสมาชิกฟีฟ่า แต่เป็นทีมที่ในอดีตไม่ประสบความสำเร็จในระดับไหนเลย แต่ได้เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพเอเชียนคัพ 2007 ในอดีตประเทศไทยไม่ค่อยสนับสนุนนักฟุตบอลอาชีพนัก นักเตะจึงนิยมไปค้าแข้งกับประเทศอื่นที่มีการสนับสนุนดีกว่า แต่หลังจากปี พ.ศ. 2552 ฟุตบอลอาชีพไทยเริ่มตื่นตัว เนื่องจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียตั้งกฎข้อบังคับให้แต่ละสโมสรจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่มีสโมสรองค์กร รัฐวิสาหกิจ ปรับตัวไม่ได้ จึงต้องมีการยุบทีมทิ้ง หรือขายทีมไป หลังจากไทยพรีเมียร์ลีก 2552 เริ่มขึ้น แฟนบอลเริ่มเข้ามาชมเกมส์ในสนามมากขึ้น เงินเดือนนักเตะสูงขึ้น การจัดการของแต่ละสโมสรดีขึ้น ลีกไทยค่อย ๆ พัฒนาเป็นระดับ ส่งผลทำให้นักฟุตบอลที่เคยไปค้าแข้งต่างแดนกลับมายังประเทศไทย เนื่องจากค่าตอบแทนไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ผลงานทีมชาติกลับสวนทางเพราะว่าต้องใช้เวลาปรับตัว เนื่องจากยุคที่ลีกบ้านเรายังไม่เจริญนักฟุตบอลมีเวลาเตรียมทีมเยอะ แต่ปัจจุบันแทบจะไม่ค่อยมีเวลาเพราะสโมสรเรียกเก็บตัวซ้อมเพื่อการแข่งขัน นักเตะจึงต้องใช้เวลาปรับตัว แต่ถือว่าฟุตบอลของประเทศไทยพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพราะหลังจากนั้นเพียง 2 ปี แฟนบอลหันมาเชียร์ทีมในจังหวัดตัวเองมากขึ้น ทีมกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ส่งผลทำให้เกิดท้องถิ่นนิยม จึงเป็นที่มาที่แฟนบอลไทยเข้าไปชมเกมฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 และดิวิชั่น 2 มากขึ้นนั่นเอง

This website uses cookies.