ทีมชาติอังกฤษ กรุยทางมาถึงรอบก่อนรองชนะเลิศ โดยรอดตัวจากรอบแบ่งกลุ่มที่เรียกได้ว่าเป็น “กรุ๊ป ออฟ เดธ” ซึ่งประกอบไปด้วย สวีเดน, อาร์เจนติน่า และ ไนจีเรีย
พวกเขาผ่านเข้ารอบน็อกเอาท์ด้วยการเป็นที่ 2 ของกลุ่ม ชนะ 1 เสมอ 2 เก็บได้ 5 คะแนน โดยรอบ 16 ทีมเจอกับ “โคนม” เดนมาร์ก และเอาชนะได้แบบสบายๆ 3-0 จากประตูของ ริโอ เฟอร์ดินานด์, ไมเคิล โอเว่น และ เอมิล เฮสกีย์
ทางด้าน “แซมบ้า” บราซิล เจ้าของแชมป์โลก 4 สมัยในเวลานั้น โชว์ฟอร์มร้อนแรงตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่ม คว้าชัยชนะรวด 3 นัด ยิงได้ถึง 11 และเสีย 3 ประตู
“ทัพเซเลเซา” ซึ่งนำทัพโดย 3 แนวรุก “ทริปเปิล อาร์” โรนัลโด้, ริวัลโด้ และ โรนัลดินโญ่ เดินหน้าคว้าชัยต่อเนื่องในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ประตูจาก ริวัลโด้ และ โรนัลโด้ พาพวกเขาผ่าน เบลเยี่ยม และเข้าไปชนกับ “สิงโตคำราม”
ที่เมือง ชิสึโอกะ คู่ระหว่าง อังกฤษ กับ บราซิล คือคู่แรกของรอบ 8 ทีมสุดท้าย ซึ่งแข่งขันกันในช่วงบ่ายโมงครึ่งตามเวลาประเทศไทย
11 ตัวจริงของทีมชาติอังกฤษในเกมนั้น ประกอบไปด้วย เดวิด ซีแมน, แดนนี่ มิลล์ส, แอชลี่ย์ โคล, ริโอ เฟอร์ดินานด์, โซล แคมป์เบลล์, เทรเวอร์ ซินแคลร์, เดวิด เบ็คแฮม, พอล สโคลส์, นิคกี้ บัตต์, ไมเคิล โอเว่น และ เอมิล เฮสกีย์
ฝั่ง บราซิล มี มาร์กอส, คาฟู, ลูซิโอ, โรเก้ จูเนียร์, เอ็ดมิลสัน, โรแบร์โต้ คาร์ลอส, กิลแบร์โต้ ซิลวา, ริวัลโด้, โรนัลดินโญ่, เคลแบร์สัน และ โรนัลโด้
ความสามารถเฉพาะตัวของบรรดาแนวรุก บราซิล สร้างความลำบากใจแก่คู่เซนเตอร์อังกฤษ ทั้ง เฟอร์ดินานด์ กับ แคมป์เบลล์ ได้พอสมควร อย่างไรก็ตาม จากความผิดพลาดของ ลูซิโอ ที่จับบอลลงไม่ดีบอลมาเข้าทางของ โอเว่น วิ่งเข้ามาฉกก่อนที่จะส่งบอลเข้าประตู พา “ทรี ไลออนส์” ออกนำ 1-0
หลังขึ้นนำ อังกฤษ เป็นฝ่ายที่ทำได้เหนือกว่าเล็กน้อย มีโอกาสลุ้นประที่สอง ขณะที่ บราซิล สร้างโอกาสได้บ้าง แต่แนวรับของ อังกฤษ ตอนช่วงครึ่งแรกทำได้ดีเอามากๆ
อย่างไรก็ตาม ก่อนหมดครึ่งเวลาแรกไม่นาน บราซิล มาตามตีเสมอได้สำเร็จ จากจังหวะที่ โรนัลดินโญ่ แทงบอลต่อมาให้ ริวัลโด้ วิ่งเข้ามาแปด้วยซ้ายข้างถนัด บอลเสียบเสาสองผ่านมือ เดวิด ซีแมน และจบครึ่งแรกด้วยสกอร์นี้
เข้าสู่ช่วงครึ่งหลัง และผ่านไปแค่ 4 นาที บราซิล ได้ลูกฟรีคิกเยื้องไปทางฝั่งขวาระยะประมาณ 32 หลา ซึ่งดูเหมือนจะเป็นระยะที่ยากแก่การที่จะยิงโดยตรง แต่ทว่า โรนัลดินโญ่ ฉวยโอกาสที่เห็นว่า ซีแมน ยืนตำแหน่งไม่ดี บรรจงหลอกยิงบอลย้อยเสียบสามเหลี่ยมเข้าไปอย่างสวยงาม เล่นเอา นายด่านทีมชาติอังกฤษ เสียขวัญไปพอสมควร
โรนัลดินโญ่ ที่กำลังจะเป็นฮีโร่ของ บราซิล เกมนี้กลับมาโดนใบแดงไล่ออกจากสนาม หลังทำประตูไปได้ราวๆ 7 นาที เมื่อเจ้าตัวไปย่ำใส่ มิลล์ส จนทำให้ บราซิล ต้องเล่น 10 คนในช่วงเวลาที่เหลืออีกกว่าครึ่งชั่วโมง
“สิงโตคำราม” พยายามทวงคืนประตูตีเสมออย่างหนัก แต่ไม่สามารถเจาะแนวรับอันแข็งแกร่งของ “แซมบ้า” ชุดนี้ได้เลย จบเกม บราซิล เอาชนะ อังกฤษ ไปได้ 2-1 ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศไปเจอกับ ตุรกี ก่อนที่จะเข้าชิงชนะเลิศ และเอาชนะ เยอรมนี 2-0 คว้าแชมป์โลกสมัยที่ 5 ได้สำเร็จ
This website uses cookies.