Football Sponsored

มาดริดปะทะบาร์ซ่า! 7 เกร็ดน่ารู้ก่อนลุ้นเกมหยุดโลกเอล กลาซิโก้ – สยามกีฬา

Football Sponsored
Football Sponsored

คืนวันอาทิตย์นี้ (20 มี.ค.)ศึกลูกหนัง เอล กลาซิโก้ จะระเบิดการฟาดแข้งกันอีกครั้ง และจะเป็นเกมสุดท้ายของซีซั่นนี้ด้วย

    เท่าที่ผ่านมา เรอัล มาดริด กับ บาร์เซโลน่า สองทีมคู่แค้นต่อกรกันมานานเกินกว่าร้อยปีแล้ว และได้ชื่อว่าเป็นเกมฟุตบอลที่มีแฟนๆให้การติดตามมากที่สุดในโลกอันเนื่องมาจากมนต์ขลังในตัวของมันเอง

    และก่อนที่จะอดตาหลับขับตานอนเชียร์ทีมโปรดในคืนนี้ เรามาทำความรู้จักกับศึก เอล กลาซิโก กันให้ลึกซึ้งมากขึ้นอีกนิดจะดีกว่า

1. ศึก เอล กลาซิโก้ นัดแรก

    จากที่มีการจดบันทึกเอาไว้ เรอัล มาดริด ปะทะกับ บาร์เซโลน่า เกมแรกเมื่อปี 1902 แต่หากจะนับเป็นเกมลีก หนแรกที่ทั้งสองทีมฟาดแข้งกันอุบัติขึ้นในปี 1929

    เกมดังกล่าวเป็นการเล่นกันในถิ่นของ บาร์ซ่า ที่สนามแห่งเดิม เลส คอร์ต สเตเดี้ยม แต่กองเชียร์กาตาลันเป็นฝ่ายช้ำใจเนื่องจากทีมเจ้าบ้านพ่ายให้กับ ราชันชุดขาว 2-1

    อย่างไรก็ดี บาร์ซ่า ชำระแค้นได้อย่างสะใจในเกมที่สองโดยเป็นฝ่ายชนะอริสำคัญ 1-0 พร้อมทั้งทะยานขึ้นครองแชมป์ ลา ลีกา เป็นสโมสรแรกสุดในประวัติศาสตร์อีกต่างหาก

2.ทีมไหนได้เฮบ่อยกว่ากัน

    นับจากอดีตจนถึงปัจจุบัน เรอัล มาดริด กับ บาร์ซ่า ท้าตีท้าต่อยกันมาแล้วทั้งสิ้น 281 นัด แบ่งเป็นเกมที่จริงจัง 248 นัด และเกมพิเศษอีก 33 นัด

    จาก 248 นัด ราชันชุดขาว กำชัยได้มากกว่า 100 นัด ขณะที่ บาร์ซ่า ชนะ 96 นัด และเสมอกัน 52 นัด

    กระนั้นก็ดี หากนับเฉพาะเกมที่ไม่เป็นทางการ บาร์ซ่า เป็นฝ่ายแฮปปี้บ่อยกว่าจากการคว้าชัย 19 นัด และเสมอ 10 นัด ขณะที่ เรอัล มาดริด ชนะแค่ 4 นัดจากทั้งหมด 33 นัด

    รวมทั้งสิ้นในทุกรายการ ทีมจาก คัมป์นู คว้าชัยไปทั้งสิ้น 115 นัด ขณะที่ เรอัล มาดริด เข้าวิน 104 นัด และเจ๊ากัน 62 นัด

3.ดาวซัลโวสูงสุด

    แม้ ณ วันนี้จะไม่มี ลิโอเนล เมสซี่ กับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ สองกองหน้าแห่งยุคชิงดีชิงเด่นกันในเกมดังกล่าว แต่ฝ่ายแรกยังถือครองตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุดของศึก เอล กลาซิโก้ อยู่จากจำนวน 26 ประตู

    ถัดจากสตาร์เลือดฟ้าขาวก็เป็นตำนานดาวยิงของถิ่น เบร์นาเบว ทั้งคู่โดย อัลเฟรโด้ ดิ สเตฟาโน่ กับ โรนัลโด้ กระทุ้งได้เท่ากันที่ 18 ประตู

    เท่านั้นไม่พอ เมสซี่ ยังนำหน้าเป็นอันดับหนึ่งจากผลงานการแอสซิสต์ด้วย (14) และทำแฮททริคได้สูงสุดร่วม (2)

    ลิโอเนล เมสซี่ (บาร์ซ่า) 26 ประตู

    อัลเฟรโด้ ดิ สเตฟาโน่ (เรอัล มาดริด), คริสเตียโน่ โรนัลโด้  (เรอัล มาดริด) 18 ประตู

    ราอูล (เรอัล มาดริด) 15 ประตู

    ฟรานซิสโก้ เกนโต้ (เรอัล มาดริด),เฟเรนซ์ ปุสกัส (เรอัล มาดริด) , เซซาร์ (บาร์ซ่า)  14 ประตู

4.แล้ว คาริม เบนเซม่า ล่ะ?

 
    ให้น่าเสียดายสำหรับทีมจ่าฝูงไม่น้อยที่เกมต้อนรับ บาร์ซ่า งวดนี้ พวกเขาจะไม่มี เบนเซม่า ดาวยิงเลือดน้ำหอมลงสนามเนื่องจากบาดเจ็บ

    ถึงขณะนี้ เบนเซม่า ผงาดเป็นดาวซัลโวสูงสุดอันดับสามของรั้ว เบร์นาเบว แล้วหลังกระทุ้งประตูให้สโมสรได้ 309 ลูกแซงหน้าตำนานอย่าง ดิ สเตฟาโน่ (308) ได้สำเร็จ ขณะที่ ราอูล อดีตหัวหอกทีมชาติ สเปน รั้งอันดับสอง (323) ประตูโดยมี โรนัลโด้ นำโด่ง (450)

    แต่หากจะนับเฉพาะประตูในเกม เอล กลาซิโก้ สตาร์เฟรนช์แมนวัย 34 ปีซึ่งซีซั่นนี้ซัดไปแล้ว 22 ประตูนำเป็นดาวซัลโวของลีกกระทิงดุคลำเป้า บาร์ซ่า ไปแล้ว 11 เม็ดจาก 41 นัดนับตั้งแต่ย้ายมานุ่งขาวห่มขาวเมื่อปี 2009

5. ใครลงเล่นบ่อยที่สุด?

    สำหรับสถิติในข่ายนี้ตกเป็นของ เมสซี่ เช่นกันหลังได้ลงสนามมาแล้วทั้งสิ้น 45 นัด

    อย่างไรก็ดี ตำนานทีม บาร์ซ่า ไม่ได้ถือครองสถิติชิ้นนี้โดยลำพังเนื่องจาก เซร์คิโอ รามอส ก็ลงเล่นเกม เอล กลาซิโก้ มากที่สุด 45 นัดเท่ากัน

    ถึงอย่างนั้น อดีตเซ็นเตอร์ฮาล์ฟทีม เรอัล มาดริด ไม่มีส่วนร่วมในเกมวันอาทิตย์นี้อีกรายเนื่องจากเขาย้ายไปเป็นทีมเมทของ เมสซี่ ที่ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง เรียบร้อยแล้ว

6.แพ้ชนะกันด้วยสกอร์ที่ขาดลอยมากที่สุด

    เชื่อหรือไม่ว่าเกมคู่นี้เคยยิงกันกระจาย และมีสกอร์ 11-1 มาแล้ว

    หากเป็น ราชันชุดขาว ที่กำชัยเหนือคู่อาฆาตได้ในเกมเมื่อเดือนมิ.ย.1943 จากการฟาดแข้งฟุตบอลถ้วย โกปา เดล เกเนราลิสโม่ รอบตัดเชือกนัดสองหรือฟุตบอล โกปา เดล เรย์ ในปัจจุบันนั่นเอง

    อันที่จริง บาร์ซ่า เปิดบ้านขยี้ เรอัล มาดริด ได้อย่างขาดลอย 3-1 ในเกมแรก พวกเขาจึงมั่นใจเต็มเปี่ยมก่อนลงเล่นนัดสอง

    แต่แล้ว หลังจบครึ่งแรก ราชันชุดขาว นำโด่ง 8-0 แถมครึ่งหลังยังซัดเพิ่มได้อีกสามประตูจึงชนะไปด้วยสกอร์ที่มโหฬารเกินความคาดหมาย

    กระนั้นก็ดี เรอัล มาดริด ก็ฝันค้างในนัดชิงชนะเลิศซึ่งเล่นกันเกมเดียวเนื่องจากพ่ายต่อ แอธเลติก บิลเบา 1-0 หลังช่วงต่อเวลาพิเศษ

7.ชุดแข่ง

    อย่างที่ทราบกันว่าเกม เอล กลาซิโก้ งวดนี้จะตะบันเกือกกันที่สนาม ซานติอาโก้ เบร์นาเบว ของทีมเมืองกรุงแห่งสเปน

    อย่างไรก็ดี เจ้าบ้านประกาศออกมาแล้วว่าพวกเขาจะไม่สวมชุดเหย้าสีขาวอันเป็นธรรมเนียมตามปกติลงบู๊

    ที่เป็นอย่างนั้นก็เพราะ เรอัล มาดริด ต้องการใช้เกมสำคัญนี้เฉลิมฉลองวาระครบรอบ 120 ปีของการก่อตั้งด้วยการสวมยูนิฟอร์มใหม่ถอดด้ามสีดำที่ โยห์จิ ยามาโมโตะ ดีไซเนอร์ วายทู ออกแบบร่วมกับ อาดิดาส

    ขณะเดียวกัน ก็มีการยืนยันว่าอาคันตุกะจะบุกมาเยือนด้วยการสวมเสื้อสีเหลืองคาดแดงลงสนาม

    จะอย่างไรก็ตาม ทิ้งท้ายด้วยสถิติที่น่าสนใจกันสักนิดว่าเกม เอล กลาซิโก้ ห้านัดหลังที่ผ่านมา เรอัล มาดริด เป็นฝ่ายได้เฮข้างเดียวจากการฟัดกับ บาร์ซ่า ในทุกรายการ

อีกหนึ่งช่องทางในการติดตามข่าวสาร
Add friend ที่ @Siamsport
Football Sponsored
ฟุตบอล

ฟุตบอลเป็นกีฬาที่นิยมเล่นมากที่สุดในประเทศไทย โดยเริ่มเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2440 และฟุตบอลทีมชาติไทยได้ร่วมเป็นสมาชิกฟีฟ่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2468 นับว่าเป็นประเทศแรกของโซนเอเชียที่เป็นสมาชิกฟีฟ่า แต่เป็นทีมที่ในอดีตไม่ประสบความสำเร็จในระดับไหนเลย แต่ได้เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพเอเชียนคัพ 2007 ในอดีตประเทศไทยไม่ค่อยสนับสนุนนักฟุตบอลอาชีพนัก นักเตะจึงนิยมไปค้าแข้งกับประเทศอื่นที่มีการสนับสนุนดีกว่า แต่หลังจากปี พ.ศ. 2552 ฟุตบอลอาชีพไทยเริ่มตื่นตัว เนื่องจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียตั้งกฎข้อบังคับให้แต่ละสโมสรจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่มีสโมสรองค์กร รัฐวิสาหกิจ ปรับตัวไม่ได้ จึงต้องมีการยุบทีมทิ้ง หรือขายทีมไป หลังจากไทยพรีเมียร์ลีก 2552 เริ่มขึ้น แฟนบอลเริ่มเข้ามาชมเกมส์ในสนามมากขึ้น เงินเดือนนักเตะสูงขึ้น การจัดการของแต่ละสโมสรดีขึ้น ลีกไทยค่อย ๆ พัฒนาเป็นระดับ ส่งผลทำให้นักฟุตบอลที่เคยไปค้าแข้งต่างแดนกลับมายังประเทศไทย เนื่องจากค่าตอบแทนไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ผลงานทีมชาติกลับสวนทางเพราะว่าต้องใช้เวลาปรับตัว เนื่องจากยุคที่ลีกบ้านเรายังไม่เจริญนักฟุตบอลมีเวลาเตรียมทีมเยอะ แต่ปัจจุบันแทบจะไม่ค่อยมีเวลาเพราะสโมสรเรียกเก็บตัวซ้อมเพื่อการแข่งขัน นักเตะจึงต้องใช้เวลาปรับตัว แต่ถือว่าฟุตบอลของประเทศไทยพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพราะหลังจากนั้นเพียง 2 ปี แฟนบอลหันมาเชียร์ทีมในจังหวัดตัวเองมากขึ้น ทีมกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ส่งผลทำให้เกิดท้องถิ่นนิยม จึงเป็นที่มาที่แฟนบอลไทยเข้าไปชมเกมฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 และดิวิชั่น 2 มากขึ้นนั่นเอง

This website uses cookies.