Football Sponsored

ส่อง 5 ตัวเต็งกุนซือ อินทรีเหล็ก ต่อจาก โยอาคิม เลิฟ – FEATURE – 90min

Football Sponsored
Football Sponsored

หลังจากที่อยู่ปักหลักคุมทัพ “อินทรีเหล็ก” เยอรมนี ชาติยักษ์ใหญ่ของวงการลูกหนังโลกมานานถึง 15 ปีแล้ว ในที่สุด “โยกี้” โยอาคิม เลิฟ ก็ได้ตัดสินใจเตรียมก้าวเท้าลงจากตำแหน่งกุนซือในช่วงหลังจบศึกยูโร 2020 ซึ่งได้เลื่อนมาฟาดแข้งในช่วงกลางปีนี้นั่นเอง ทำให้ สหพันธ์ฟุตบอลเยอรมนี หรือ เดเอฟเบ ต้องเริ่มมองหากุนซือคนใหม่เอาไว้บ้างแล้ว โดยมีรายชื่อของ 5 ตัวเต็งตามหน้าสื่อดังต่อไปเลย ลองไปดูว่ามีกุนซือฝีมือดีคนไหนติดโผบ้างกันหน่อยดีกว่า

Hans-Dieter Flick Hands Over UEFA Champions League Trophy To FCB Museum | Alexander Hassenstein/ฟุตบอล

เคยเป็นคนในของ เดเอฟเบ มาก่อน เพราะเคยรับใช้บ้านเกิดจากการสวมบทเป็นผู้ช่วยของ โยอาคิม เลิฟ กุนซือ “อินทรีเหล็ก” ระหว่างปี 2006-2014 ก่อนจะได้รับการเลื่อนชั้นให้ขึ้นไปนั่งเก้าอี้ผู้อำนวยการทีมชาติเยอรมนีในช่วงหลังคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2014 หลังจากนั้นได้รับงานเป็นผู้ช่วยกุนซือ “เสือใต้” บาเยิร์น มิวนิค ในปี 2019 และได้เลื่อนชั้นเป็นกุนซือแบบเต็มตัวเมื่อปีที่แล้ว พร้อมกับพาทีมครองความยิ่งใหญ่ในโลกลูกหนังยุคปัจจุบัน โดยยังคงเป็นสโมสรหมายเลขหนึ่งของโลกจากการกวาดแชมป์ไปแล้วถึง 6 รายการใหญ่ติดต่อกัน

2. เจอร์เก้น คลอปป์

FBL-ENG-PR-LIVERPOOL-CHELSEA-TROPHY | PHIL NOBLE/ฟุตบอล

ไม่ต้องบรรยายสรรพคุณอะไรกันมากนัก เพราะเคยสร้างชื่อเสียงโด่งดังจากงานคุมทัพ “เสือเหลือง” โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ หลังจากนั้นได้ย้ายไปต่อยอดความสำเร็จจากการคุมทัพ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ให้เข้าป้ายแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รวมถึงแชมป์ พรีเมียร์ลีก เมื่อฤดูกาลก่อนได้ด้วย โดยกุนซือวัย 53 ปีเคยเอ่ยปากแย้มว่าอยากจะคุมทัพลูกหนัง “อินทรีเหล็ก” ในอนาคต หรือตอนช่วงหลังหมดสัญญากับต้นสังกัดปัจจุบันในปี 2024 นั่นเอง แต่อาจจะตัดสินใจเลื่อนเวลาให้เร็วขึ้นก็เป็นได้ เพราะไม่มีอะไรที่แน่นอนในโลกของฟุตบอลอยู่แล้ว

FBL-GER-BUNDESLIGA-LEIPZIG-HOFFENHEIM | RONNY HARTMANN/ฟุตบอล

แม้จะไม่เคยคุมทีมระดับยักษ์ใหญ่มาก่อนเลย แต่ได้รับการยกย่องในเรื่องของฝีไม้ลายมือเป็นอย่างมาก เพราะเคยสร้างชื่อจากการคุมทีมระดับเล็กๆ ให้ก้าวเท้าขึ้นมาอยู่ในศึกบุนเดสลีกาได้หมายสโมสร ไม่ว่าจะเป็น อูล์ม, ฮอฟเฟ่นไฮม์ รวมถึงการปลุกปั้น แอร์เบ ไลป์ซิก ให้ขึ้นเป็นทีมหัวแถวของลีกสูงสุดเมืองเบียร์ในยุคปัจจุบัน และเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องของการพัฒนานักเตะเยาวชนด้วย โดยเคยได้รับการแต่งตั้งให้สวมบทเป็นหัวหน้าฝ่ายพัฒนากีฬาทีมฟุตบอลในเครือ เรดบูลล์ อีกต่างหาก แต่กุนซือวัย 62 ปีได้ตัดสินใจยื่นใบลาออกในปี 2020 เพราะอยากจะกลับมารับงานคุมทีมลูกหนังอีกสักครั้ง จึงยังคงว่างงานอยู่ด้วย

4. สเตฟาน คุนท์ซ

Germany U21 v Bosnia-Herzegovina U21 – UEFA Euro Under 21 Qualifier | Alexander Hassenstein/ฟุตบอล

อดีตกองหน้าทีมชาติเยอรมนีชุดแชมป์ยูโร 1996 ปัจจุบันวัย 56 ปี ถือว่าเป็นคนในของ เดเอฟเบ อยู่แล้ว เพราะยังคงรับใช้บ้านเกิดจากการสวมบทเป็นกุนซือ “อินทรีเหล็ก” ชุดเยาวชนรุ่นอายุไม่เกิน 21 ปีมาตั้งแต่ปี 2016 และเคยพาทัพลูกหนังเมืองเบียร์รุ่นเล็กเข้าป้ายแชมป์ยุโรปรุ่นอายุไม่เกิน 21 ปีเมื่อปี 2017 แต่ยังไม่เคยคุมสโมสรในระดับบุนเดสลีกามาก่อนเลย โดยในช่วงสมัยที่ยังค้าแข้งได้รับสมญานามแบบไทยๆ ว่า “ไอ้ตำรวจ” เพราะเคยรับราชการเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์เมื่อตอนที่เพิ่งเริ่มเป็นนักฟุตบอลอาชีพในช่วงทศวรรษ 80 นั่นเอง

FBL-GER-BUNDESLIGA-HERTHA BERLIN-DORTMUND | ODD ANDERSEN/ฟุตบอล

ตำนานดาวยิงทีมชาติเยอรมนีชุดแชมป์ฟุตบอลโลก 1990 และแชมป์ยูโร 1996 ซึ่งเป็นเจ้าของสมญานามแบบไทยๆ ว่า “ฉลามขาว” เคยสวมบทเป็นกุนซือ “อินทรีเหล็ก” ระหว่างปี 2004-2006 และเป็นคนวางรากฐานให้ทีมลูกหนังเมืองเบียร์ในยุคปัจจุบันด้วย ก่อนจะส่งไม้ต่อให้ โยอาคิม เลิฟ ผู้ช่วยของเขาในตอนนั้นได้ก้าวเท้าขึ้นมาสานงานต่อช่วงหลังคว้าอันดับ 3 ในศึกฟุตบอลโลก 2006 นั่นเอง โดยเคยผ่านงานคุมทีมชาติสหรัฐอเมริกามาก่อนด้วย แต่ตอนนี้อดีตกองหน้าวัย 56 ปียังคงว่างงานอยู่นับตั้งแต่แยกทางกับ แฮร์ธา เบอร์ลิน เมื่อปีก่อน จึงมีลุ้นกลับมาคุมทีมบ้านเกิดรอบ 2 ได้เหมือนกัน

สนับสนุนบทความของแท้ไม่ก็อปปี้ต้อง 90min.com เท่านั้น! *ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความหรือรูปภาพไม่ว่าวิธีใดๆ หากฝ่าฝืนมีความผิดตามกฏหมายที่ระบุไว้สูงสุด

Football Sponsored
ฟุตบอล

ฟุตบอลเป็นกีฬาที่นิยมเล่นมากที่สุดในประเทศไทย โดยเริ่มเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2440 และฟุตบอลทีมชาติไทยได้ร่วมเป็นสมาชิกฟีฟ่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2468 นับว่าเป็นประเทศแรกของโซนเอเชียที่เป็นสมาชิกฟีฟ่า แต่เป็นทีมที่ในอดีตไม่ประสบความสำเร็จในระดับไหนเลย แต่ได้เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพเอเชียนคัพ 2007 ในอดีตประเทศไทยไม่ค่อยสนับสนุนนักฟุตบอลอาชีพนัก นักเตะจึงนิยมไปค้าแข้งกับประเทศอื่นที่มีการสนับสนุนดีกว่า แต่หลังจากปี พ.ศ. 2552 ฟุตบอลอาชีพไทยเริ่มตื่นตัว เนื่องจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียตั้งกฎข้อบังคับให้แต่ละสโมสรจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่มีสโมสรองค์กร รัฐวิสาหกิจ ปรับตัวไม่ได้ จึงต้องมีการยุบทีมทิ้ง หรือขายทีมไป หลังจากไทยพรีเมียร์ลีก 2552 เริ่มขึ้น แฟนบอลเริ่มเข้ามาชมเกมส์ในสนามมากขึ้น เงินเดือนนักเตะสูงขึ้น การจัดการของแต่ละสโมสรดีขึ้น ลีกไทยค่อย ๆ พัฒนาเป็นระดับ ส่งผลทำให้นักฟุตบอลที่เคยไปค้าแข้งต่างแดนกลับมายังประเทศไทย เนื่องจากค่าตอบแทนไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ผลงานทีมชาติกลับสวนทางเพราะว่าต้องใช้เวลาปรับตัว เนื่องจากยุคที่ลีกบ้านเรายังไม่เจริญนักฟุตบอลมีเวลาเตรียมทีมเยอะ แต่ปัจจุบันแทบจะไม่ค่อยมีเวลาเพราะสโมสรเรียกเก็บตัวซ้อมเพื่อการแข่งขัน นักเตะจึงต้องใช้เวลาปรับตัว แต่ถือว่าฟุตบอลของประเทศไทยพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพราะหลังจากนั้นเพียง 2 ปี แฟนบอลหันมาเชียร์ทีมในจังหวัดตัวเองมากขึ้น ทีมกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ส่งผลทำให้เกิดท้องถิ่นนิยม จึงเป็นที่มาที่แฟนบอลไทยเข้าไปชมเกมฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 และดิวิชั่น 2 มากขึ้นนั่นเอง

This website uses cookies.