เกมดำเนินมาถึงนาทีที่ 9 อังเคล ดิ มาเรีย ลากบอลเลาะมาริมสนามทางขวา ก่อนครอสเข้าเขตโทษ เลาตาโร่ มาร์ติเนซ ถอยมาสะบัดโหม่งบอลย้อยตกลงบนตาข่าย เจ้าถิ่นได้ทักทายครั้งแรกของแมตช์
สองนาทีถัดมา มาร์เซโล่ โมเรโน่ หาตำแหน่งรอบอลเปิดฟรีคิกของเพื่อน เจ้าตัวได้โอกาสโขกบอล ทว่าบอลไร้น้ำหนักเข้ามือ ฆวน มุสโซ รับสบาย
ฟ้าขาวนำ 1-0 นาทีที่ 14 เลอันโดร ปาเรเดส ไหลสั้นฝากให้ ลิโอเนล เมสซี่ แตะบอลลอดขาแข้งทีมเยือน แล้วบรรจงปั่นตรงวงกลมหน้ากรอบเขตโทษ บอลเลี้ยวหนีมือนายทวารโบลิเวียซุกตาข่ายสวยงาม
จบครึ่งแรก “ฟ้า-ขาว” เป็นฝ่ายขึ้นนำ โบลิเวีย 1-0
เข้าสู่ครึ่งหลัง อาร์เจนติน่า บวกเพิ่มประตูที่สอง จากจังหวะที่ เมสซี่ หลอกแนวรับ โบลิเวีย แล้วยิงหลอกผู้รักษาประตูส่งบอลเข้าไปกองกุ้นตาข่าย นาที 65 “ฟ้า-ขาว” หนีห่าง 2-0
ก่อนเข้าสู่ช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีเดียว เมสซี่ มาทำแฮตทริกในนามทีมชาติหนที่ 7 จากจังหวะที่เจ้าตัวตามซ้ำลูกยิงของ เลอันโดร ปาเรเดส ที่ซัดไปติดเซฟของ การ์ลอส ลัมเป้ นายด่าน โบลิเวีย เข้าประตู นาที 89 อาร์เจนติน่า ทิ้งสกอร์เป็น 3-0 และจบเกมด้วยสกอร์นี้
โดย อารเจนติน่า เก็บเพิ่มอีกสามคะแนนขยับขึ้นไปมี 18 แต้มจากการลงสนาม 8 นัด ส่วน โบลิเวีย รั้งรองบ๊วยของตารางแข่ง 9 นัดเก็บได้แค่ 6 คะแนน
ขณะที่อีกหนึ่งคู่ บราซิล ที่ยืนจ่าฝูงของตารางคว้าชัยชนะรวด 7 นัดติดต่อกัน ส่ง เนย์มาร์ ทำเกมรุกร่วมกับ กาเบรียล บาร์โบซ่า โดยมี เอแดร์ มิลิเตา จับคู่เซ็นเตอร์กับ ลูกัส เวริสสิโม่
เริ่มเกมได้แค่ 14 นาที บราซิล ชิงขึ้นนำ 1-0 เนย์มาร์ กระชากบอลถึงสุดเส้นหลังก่อนจะจ่ายกลับมาหน้าประตูให้ เอแวร์ตอน ริเบย์โร่ เอี้ยวตัวยิงด้วยซ้ายส่งบอลเข้าประตู
จากนั้นช่วงท้ายครึ่งแรกนาที 40 บราซิล มาได้ประตูที่สองเมื่อ เนย์มาร์ ตามซ้ำลูกติดบล็อกของ เอแวร์ตอน ริเบย์โร่ โล่ง ๆ ที่เสาสองพาทัพ”แซมบ้า” หนีเป็น 2-0 และจบครึ่งแรกด้วยสกอร์นี้
ช่วงครึ่งหลัง โอกาสยิงแบบจะแจ้งของทั้งสองทีมมีไม่มากนัก แต่เป็น เปรู ที่เป็นฝ่ายล่อเป้าได้มากกว่าถึง 7 ครั้ง ทว่าตรงกรอบแค่ครั้งเดียว
หมดเวลาการแข่งขัน บราซิล เอาชนะ เปรู 2-0 เก็บชัยชนะ 8 เกมรวดมี 24 คะแนนนำโด่งเป็นจ่าฝูงทิ้งแต้มห่าง อาร์เจนติน่า 6 แต้ม ส่วน เปรู รั้งอันดับ 7 มี 8 คะแนนจาก 9 นัด
This website uses cookies.