คาราเต้เตรียมเก็บตัวนักกีฬาลุยศึกชิงแชมป์โลกพ.ย.นี้ – สยามกีฬา
คาราเต้ยุคโควิดเปิดศึกประลองท่าร่ายรำออนไลน์ชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย 1-5 ก.ย.นี้ ขณะเดียวกัน “โค้ชบอย” เตรียมเรียกนักกีฬาทีมชาติรายงานตัวเพื่อลุยศึกคาราเต้ชิงแชมป์โลก ระหว่างวันที่ 16-21 พ.ย.64 ที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เผยวงการคาราเต้ทั่วโลกเปิดการแข่งขันเต็มรูปแบบแล้ว
“โค้ชบอย” ดุลยรัตน์ รัตนพันธ์ หัวหน้าผู้ฝึกสอนคาราเต้ทีมชาติไทย ได้เปิดเผยแผนงานของสมาคมจนถึงสิ้นปีว่าหลังจากจบการแข่งขันโอลิมปิก 2020 ทางสมาคมก็เดินหน้าเก็บตัวนักกีฬาทีมชาติไทยต่อเนื่องเพื่อเตรียมความพร้อมในการแข่งขันเอเชียนอินดอร์-มาร์เชียลอาร์ตสเกมส์ ที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพ ซึ่งยืนยันว่าจะส่งนักกีฬาคาราเต้ไทยลงแข่งขันทุกรุ่น อย่างไรก็ตามตนก็ได้ติดตามข่าวสารวงการคาราเต้โลกก็ปรากฎว่าตอนนี้สามารถกลับมาจัดการแข่งขันได้อย่างเต็มรูปแบบแล้วทั้งการแข่งขันคาราเต้วันพรีเมียร์ลีก หรือ การแข่งขันคาราเต้ชิงแชมป์โลก
โดยสมาคมเตรียมจะส่งนักกีฬาคาราเต้ไทยไปแข่งขันในเวทีนานาชาติอีกครั้งภายในสิ้นปีนี้และตอนนี้ก็มีมติว่าจะส่งแข่งคาราเต้ชิงแชมป์โลกที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ระหว่างวันที่ 16-21 พ.ย.64 อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ก็มีหลายรายการในระดับนานาชาติที่เราจะส่งแข่งเป็นประจำ แต่ด้วยสถานการณ์โควิดที่เราจะต้องเดินทางไปแข่งแล้วต้องกลับมากักตัวเป็นเวลาเกือบ 14 วัน ทำให้เป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะส่งแข่งครบทุกรายการ แต่หากว่าในอนาคตมีมาตรการกักตัวที่สั้นลงหากนักกีฬามีการฉีดวัคซีนครบโดส ย่อมส่งผลดีต่อการเดินทางของนักกีฬาที่ต้องเดินทางไปแข่งขันในต่างประเทศ
อย่างไรก็ตามทีมผู้ฝึกสอนได้เตรียมเรียกนักกีฬาทีมชาติไทยเข้ามาฝึกซ้อมอย่างเต็มรูปแบบตามมาตรการผ่อนคลายของ ศบค.ที่จะเริ่มใช้ในวันที่ 1 ก.ย.นี้ และตนได้เรียกนักกีฬาดาวรุ่งคนอื่นๆเข้ามาฝึกซ้อมกับทีมชาติชุดใหญ่เพื่อเป็นการฝึกซ้อมร่วมกัน แต่ทั้งนี้ยังไม่ได้กำหนดว่าศึกชิงแชมป์โลกในเดือนพฤศจิกายนนี้จะส่งไปกี่รุ่นต้องขอดูความพร้อมของนักกีฬาทุกคนก่อน
ส่วนในวันที่ 1-5 พ.ย.นี้ ทางสมาคมกีฬาคาราเต้แห่งประเทศไทยได้จัดการแข่งขันคาราเต้ประเภทร่ายรำชิงแชมป์ประเทศไทย (ALL THAILAND KARATE-DO CHAMPIONSHIPS 2021 KATA E-TOURNAMENT) ในรูปแบบออนไลน์ สามารถติดตามรายละเอียดและผลการแข่งขันได้ที่เฟสบุ๊ค Thailand Karate Federation
อีกหนึ่งช่องทางในการติดตามข่าวสาร
Add friend ที่ @Siamsport
ฟุตบอลฟุตบอลเป็นกีฬาที่นิยมเล่นมากที่สุดในประเทศไทย โดยเริ่มเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2440 และฟุตบอลทีมชาติไทยได้ร่วมเป็นสมาชิกฟีฟ่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2468 นับว่าเป็นประเทศแรกของโซนเอเชียที่เป็นสมาชิกฟีฟ่า แต่เป็นทีมที่ในอดีตไม่ประสบความสำเร็จในระดับไหนเลย แต่ได้เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพเอเชียนคัพ 2007 ในอดีตประเทศไทยไม่ค่อยสนับสนุนนักฟุตบอลอาชีพนัก นักเตะจึงนิยมไปค้าแข้งกับประเทศอื่นที่มีการสนับสนุนดีกว่า แต่หลังจากปี พ.ศ. 2552 ฟุตบอลอาชีพไทยเริ่มตื่นตัว เนื่องจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียตั้งกฎข้อบังคับให้แต่ละสโมสรจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่มีสโมสรองค์กร รัฐวิสาหกิจ ปรับตัวไม่ได้ จึงต้องมีการยุบทีมทิ้ง หรือขายทีมไป หลังจากไทยพรีเมียร์ลีก 2552 เริ่มขึ้น แฟนบอลเริ่มเข้ามาชมเกมส์ในสนามมากขึ้น เงินเดือนนักเตะสูงขึ้น การจัดการของแต่ละสโมสรดีขึ้น ลีกไทยค่อย ๆ พัฒนาเป็นระดับ ส่งผลทำให้นักฟุตบอลที่เคยไปค้าแข้งต่างแดนกลับมายังประเทศไทย เนื่องจากค่าตอบแทนไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ผลงานทีมชาติกลับสวนทางเพราะว่าต้องใช้เวลาปรับตัว เนื่องจากยุคที่ลีกบ้านเรายังไม่เจริญนักฟุตบอลมีเวลาเตรียมทีมเยอะ แต่ปัจจุบันแทบจะไม่ค่อยมีเวลาเพราะสโมสรเรียกเก็บตัวซ้อมเพื่อการแข่งขัน นักเตะจึงต้องใช้เวลาปรับตัว แต่ถือว่าฟุตบอลของประเทศไทยพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพราะหลังจากนั้นเพียง 2 ปี แฟนบอลหันมาเชียร์ทีมในจังหวัดตัวเองมากขึ้น ทีมกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ส่งผลทำให้เกิดท้องถิ่นนิยม จึงเป็นที่มาที่แฟนบอลไทยเข้าไปชมเกมฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 และดิวิชั่น 2 มากขึ้นนั่นเอง
This website uses cookies.