Football Sponsored

5 แข้งดังสร้างกำไรจากการขายได้เยอะสุดในวงการฟุตบอล – LIST – 90min

Football Sponsored
Football Sponsored

ในโลกของเกมลูกหนังมีการย้ายทีมของเหล่านักเตะชื่อดังเกิดขึ้นมากมายเลย และมีอยู่หลายดีลที่สามารถสร้างผลกำไรให้กับบรรดาทีมลูกหนังที่ได้ตัดสินใจปล่อยพ่อค้าแข้งชื่อก้องโลกอีกด้วย หลังจากที่ได้ลงทุนจ่ายเงินซื้อมาร่วมทีมด้วยราคาที่ไม่ได้สูงมากนัก หรือในบางดีลก็ได้ตัวมาแบบฟรีๆ เสียด้วยซ้ำ แต่กลับสร้างเงินจากการขายต่ออีกทอดหนึ่งได้เป็นจำนวนมหาศาลจนถึงในระดับที่เป็นสถิติค่าตัวแพงที่สุดในโลกไปเลยด้วย ลองไปดูว่ามีใครกันบ้างทีติดโผ 5 ดาวเตะทำกำไรจากการขายได้มากที่สุดในโลกลูกหนัง โดยอ้างอิงตัวเลขจาก Transfermarkt เว็บไซต์จอมเก็บข้อมูลเรื่องมูลค่าต่างๆ ในวงการฟุตบอลดังต่อไปนี้

Paris Saint-Germain v Olympique Lyon – Ligue 1 / Xavier Laine/ฟุตบอล

เริ่มต้นกันด้วยอันดับ 1 นั่นก็คือ เนย์มาร์ กองหน้าทีมชาติบราซิล ซึ่งเป็นดีลที่เกิดขึ้นเมื่อ 4 ปีก่อน โดยก่อนหน้านี้ “เจ้าบุญทุ่ม” บาร์เซโลน่า ได้ลงทุนคว้ามาจาก ซานโต๊ส ในปี 2013 ด้วยค่าตัว 88.2 ล้านยูโร และได้ปล่อยให้ย้ายซบ “เปแอสเช” ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ในปี 2017 ด้วยค่าฉีกสัญญาเป็นเงินสูงถึง 222 ล้านยูโร และยังคงเป็นเจ้าของสถิตินักฟุตบอลที่มีค่าตัวแพงที่สุดในโลกคนปัจจุบันอยู่ด้วย เท่ากับว่า บาร์ซ่า ฟันเงินกำไรจากการขายในช่วงหลังหักลบจำนวนเงินจากเมื่อตอนที่ซื้อมาได้มากถึง 133.8 ล้านยูโรเลยทีเดียว จึงยังคงเป็นสถิติทีมลูกหนังที่โกยเงินกำไรจากการขายนักเตะหนึ่งคนได้มากที่สุดในโลกลูกหนังไปเลยด้วย

FC Barcelona v Juventus – Joan Gamper Trophy / Eric Alonso/ฟุตบอล

ฟิลิปเป้ คูตินโญ่

อันดับ 2 เป็นของ “คูตี้” ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ กองกลางทีมชาติบราซิล ซึ่งเป็นดีลที่เกิดขึ้นเมื่อ 4 ปีก่อน โดยก่อนหน้านี้ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ได้ลงทุนคว้ามาจาก “งูใหญ่” อินเตอร์ มิลาน ในปี 2012 ด้วยค่าตัว 13 ล้านยูโร และได้ปล่อยให้ย้ายซบ บาร์เซโลน่า ในปี 2017 ด้วยค่าตัวสูงถึง 135 ล้านยูโร เท่ากับว่า ลิเวอร์พูล สามารถฟันเงินกำไรจากการขายในช่วงหลังหักลบจำนวนเงินจากเมื่อตอนที่ซื้อมาได้มากถึง 122 ล้านยูโรไปเลย

Manchester United v Leeds United – Premier League / Catherine Ivill/ฟุตบอล

ไปต่อกันที่อันดับ 3 นั่นก็คือ ปอล ป็อกบา กองกลางทีมชาติฝรั่งเศส ซึ่งเป็นดีลที่เกิดขึ้นเมื่อ 5 ปีก่อน โดยก่อนหน้านี้ “ม้าลาย” ยูเวนตุส ได้ลงทุนคว้ามาจาก “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในปี 2012 แบบไม่ค่าตัวในช่วงหลังหมดสัญญาไปแล้ว และได้ปล่อยให้ย้ายกลับไปซบ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในปี 2016 ด้วยค่าตัวสูงถึง 105 ล้านยูโร และเคยเป็นสถิตินักเตะที่มีค่าตัวแพงที่สุดของโลกในตอนนั้นด้วย เท่ากับว่า ยูเวนตุส สามารถฟันเงินกำไรจากการขายในช่วงหลังหักลบจำนวนเงินจากเมื่อตอนที่ซื้อมาได้ทั้งหมดถึง 105 ล้านยูโรไปเลย เพราะไม่ได้จ่ายเงินมาตั้งแต่แรกอยู่แล้วนั่นเอง

FC Barcelona v Juventus – Joan Gamper Trophy / Quality Sport Images/ฟุตบอล

อุสมาน เดมเบเล่

ส่วน อุสมาน เดมเบเล่ ปีกทีมชาติฝรั่งเศส ตามมาเป็นอันดับ 4 ซึ่งเป็นดีลที่เกิดขึ้นเมื่อ 4 ปีก่อน โดยก่อนหน้านี้ “เสือเหลือง” โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ได้ลงทุนคว้ามาจาก แรนส์ ในปี 2016 ด้วยค่าตัว 35 ล้านยูโร และได้ปล่อยให้ย้ายซบ บาร์เซโลน่า ในปี 2017 ด้วยค่าตัวสูงถึง 135 ล้านยูโร เท่ากับว่า ดอร์ทมุนด์ สามารถฟันเงินกำไรจากการขายในช่วงหลังหักลบจำนวนเงินจากเมื่อตอนที่ซื้อมาได้มากถึง 100 ล้านยูโร

Deportivo Alaves v Real Madrid CF – La Liga Santander / Quality Sport Images/ฟุตบอล

ปิดท้ายด้วยอันดับ 5 นั่นก็คือ แกเรธ เบล ปีกทีมชาติเวลส์ ซึ่งเป็นดีลที่เกิดขึ้นเมื่อ 8 ปีก่อน โดยก่อนหน้านี้ “ไก่เดือยทอง” สเปอร์ส ได้ลงทุนคว้ามาจาก เซาแธมป์ตัน ในปี 2007 ด้วยค่าตัว 14.7 ล้านยูโร และได้ปล่อยให้ย้ายซบ “ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด ในปี 2013 ด้วยค่าตัวสูงถึง 101 ล้านยูโร และเคยเป็นสถิตินักฟุตบอลที่มีค่าตัวแพงที่สุดของโลกในยุคนั้นอีกด้วย เท่ากับว่า สเปอร์ส สามารถฟันเงินกำไรจากการขายในช่วงหลังหักลบจำนวนเงินจากเมื่อตอนที่ซื้อมาได้มากถึง 86.3 ล้านยูโร

นี่ดีลของ 5 ดาวเตะทำกำไรจากการขายได้มากที่สุดในโลกลูกหนังจนถึงยุคปัจจุบันนี้ แต่ในอนาคตจะต้องมีการทุบสถิติเพื่อให้ตัวเลขสูงขึ้นไปอีกได้อย่างแน่นอน

สนับสนุนบทความของแท้ไม่ก็อปปี้ต้อง 90min.com เท่านั้น!*ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความหรือรูปภาพไม่ว่าวิธีใดๆ หากฝ่าฝืนมีความผิดตามกฏหมายที่ระบุไว้สูงสุด

Football Sponsored
ฟุตบอล

ฟุตบอลเป็นกีฬาที่นิยมเล่นมากที่สุดในประเทศไทย โดยเริ่มเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2440 และฟุตบอลทีมชาติไทยได้ร่วมเป็นสมาชิกฟีฟ่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2468 นับว่าเป็นประเทศแรกของโซนเอเชียที่เป็นสมาชิกฟีฟ่า แต่เป็นทีมที่ในอดีตไม่ประสบความสำเร็จในระดับไหนเลย แต่ได้เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพเอเชียนคัพ 2007 ในอดีตประเทศไทยไม่ค่อยสนับสนุนนักฟุตบอลอาชีพนัก นักเตะจึงนิยมไปค้าแข้งกับประเทศอื่นที่มีการสนับสนุนดีกว่า แต่หลังจากปี พ.ศ. 2552 ฟุตบอลอาชีพไทยเริ่มตื่นตัว เนื่องจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียตั้งกฎข้อบังคับให้แต่ละสโมสรจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่มีสโมสรองค์กร รัฐวิสาหกิจ ปรับตัวไม่ได้ จึงต้องมีการยุบทีมทิ้ง หรือขายทีมไป หลังจากไทยพรีเมียร์ลีก 2552 เริ่มขึ้น แฟนบอลเริ่มเข้ามาชมเกมส์ในสนามมากขึ้น เงินเดือนนักเตะสูงขึ้น การจัดการของแต่ละสโมสรดีขึ้น ลีกไทยค่อย ๆ พัฒนาเป็นระดับ ส่งผลทำให้นักฟุตบอลที่เคยไปค้าแข้งต่างแดนกลับมายังประเทศไทย เนื่องจากค่าตอบแทนไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ผลงานทีมชาติกลับสวนทางเพราะว่าต้องใช้เวลาปรับตัว เนื่องจากยุคที่ลีกบ้านเรายังไม่เจริญนักฟุตบอลมีเวลาเตรียมทีมเยอะ แต่ปัจจุบันแทบจะไม่ค่อยมีเวลาเพราะสโมสรเรียกเก็บตัวซ้อมเพื่อการแข่งขัน นักเตะจึงต้องใช้เวลาปรับตัว แต่ถือว่าฟุตบอลของประเทศไทยพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพราะหลังจากนั้นเพียง 2 ปี แฟนบอลหันมาเชียร์ทีมในจังหวัดตัวเองมากขึ้น ทีมกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ส่งผลทำให้เกิดท้องถิ่นนิยม จึงเป็นที่มาที่แฟนบอลไทยเข้าไปชมเกมฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 และดิวิชั่น 2 มากขึ้นนั่นเอง

This website uses cookies.