เหมือนได้แบ๊กซ้ายตัวใหม่! – สยามกีฬา

คอสตาส ซิมิกาส ย้ายเข้ามาด้วยความหวังในระดับหนึ่งของแฟนบอลลิเวอร์พูล

   เพราะมองไปที่ตำแหน่งแบ๊กซ้าย แอนดี้ โรเบิร์ตสัน เหมารถทัวร์วิ่งขึ้น-ลงตลอดทุกเกม ใช่ร่างกายสมบุกสมบันมาก

    จะว่าไม่มีตัวเปลี่ยนก็ไม่ใช่ เจมส์ มิลเนอร์ สามารถเล่นแทนได้ในบางครั้ง แต่นั่นไม่ใช่ตำแหน่งถนัดของมิลเนอร์ เขารับผิดชอบเกมรับตามตำแหน่งได้ แต่ตอบโจทย์เรื่องการเติมเกมรุกในแบบร็อบโบ้ไม่ได้

    การมาของซิมิกาสจึงพกเอาความหวังเข้ามาด้วย แฟนบอลได้อุ่นใจว่าอย่างน้อยร็อบโบ้จะมีตัวสำรองให้หมุนเวียน ได้พักเรียกความสดบ้างในบางเกม

    แต่ทุกอย่างกลายเป็นผิดแผนไปหมด แบ๊กซ้ายทีมชาติกรีซติดโควิด-19 และมีปัญหาบาดเจ็บรบกวนอีก 2 ครั้ง เมื่อเรียกความฟิตกลับมาได้ก็ยังไม่พร้อมแย่งตำแหน่งตัวจริงทั้งด้วยผลงานส่วนตัวและสถานการณ์ของทีม

    เพราะการเล่นในระบบของ เจอร์เก้น คล็อปป์ นั้นแบ๊กซ้ายต้องประสานงานกับเพื่อนคนอื่นทางฝั่งเดียวกันให้ได้ การเชื่อมเกม 3 คนระหว่าง แบ๊กซ้าย กองกลางฝั่งซ้าย และ กองหน้าฝั่งซ้าย คืออาวุธสำคัญของทีม ปีเตอร์ คราเวียตซ์ มือขวาของคล็อปป์ใช้คำสั้นๆ แค่ “ว้าว!” เมื่อพูดถึงการประสานงานระหว่าง โรเบิร์ตสัน กับ ซาดิโอ มาเน่ รวมทั้งการเล่นร่วมกันในพื้นที่สามเหลี่ยมกับกองกลางฝั่งซ้ายไม่ว่าเกมนั้นจะเป็นใครลงประจำการ

    ซิมิกาสไม่สามารถทำให้คราเวียตซ์หรือคนอื่นๆ “ว้าว” ได้ในทันทีที่หายเจ็บแน่ เพราะอุปสรรคในตอนนั้นมากมายเหลือเกินไม่เพียงแต่ต้องสู้กับตัวเองและการปรับตัวให้เข้ากับระบบการเล่นของทีมเท่านั้น แต่มันยังเป็นช่วงที่ผลกระทบจากปัญหากองหลังตัวกลางเริ่มลุกลามขึ้นมาพอดีอีกด้วย

    คล็อปป์ไม่อาจเสี่ยงหมุนเวียนผู้เล่นตัวหลักได้มากไปกว่านั้นอีกแล้ว นั่นคือเหตุผลใหญ่อีกข้อที่ว่าทำไมทั้งร็อบโบ้และ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ถึงต้องกรำศึกลงสนามแทบทุกเกม

    ฤดูกาลที่แล้วจึงเป็นฤดูกาลที่หนักหนาจริงๆ สำหรับซิมิกาส เขาได้เล่นในลีกแค่ 2 นัดในฐานะตัวสำรอง รวมระยะเวลาที่อยู่ในสนามแค่ 5 นาทีเท่านั้นเอง

    โรเบิร์ตสันคือคนที่เล่นให้ทีมมากที่สุดเมื่อฤดูกาลที่แล้วถ้านับเป็นจำนวนนาที เป็นคนเดียวที่ออกสตาร์ตในตำแหน่งตัวจริงทุกเกมตลอด 38 นัดในพรีเมียร์ลีก

    มีเพียง จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม คนเดียวที่เล่นครบทุกเกมในลีกเช่นกันแต่รายของกองกลางชาวดัตช์ลงสนามเป็นตัวจริง 34 เกมและอีก 4 เกมถูกส่งลงสนามในฐานะตัวสำรอง

    โมฮาเหม็ด ซาลาห์ กับ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เป็นอีก 2 คนที่ลงเล่นตัวจริง 34 นัดเท่าจินี่ แต่เมื่อรวมทั้งซีซั่นแล้วซาลาห์พลาดลงสนาม 1 เกม ขณะที่เทรนท์พลาด 2 เกม

    จำนวนนาทีที่ลงเล่นร็อบโบ้ทิ้งขาดทุกคน คือ 3,386 นาที ซาลาห์ตามมาเป็นอันดับสอง 3,082 นาที และเทรนท์อันดับสาม 3,033 นาที ส่วนจินี่ที่เล่นครบทุกเกมลงสนามมากเป็นอันดับห้าในหัวข้อนี้คือ 2,946 นาทีเพราะถูกเปลี่ยนตัวออกจากสนามบ่อยกว่า

    โรเบิร์ตสันที่ทั้งซีซั่นในลีกถูกเปลี่ยนตัวออกแค่ 3 ครั้งจึงลงเล่นมากกว่าคนที่กรำศึกใกล้เคียงกับเขาที่สุดอย่างซาลาห์ถึง 308 นาที คิดเป็นเกมเตะได้ 3 เกมเต็มๆ กับอีก 1 ครึ่งเวลา

    แน่นอนครับ ยังไม่รวมเกมอื่นๆ อย่างฟุตบอลถ้วยในประเทศ สโมสรยุโรป และทีมชาติสกอตแลนด์

    ฤดูกาล 2020/21 สกอตแลนด์เตะทั้งรายการเนชั่นส์ ลีก เพลย์ออฟไปยูโร ฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก อุ่นเครื่อง และยูโร 2020 รอบสุดท้ายรวมทั้งหมด 14 เกม สตีฟ คล้าร์ก ใช้งานโรเบิร์ตสันเป็นตัวจริงทุกเกม เล่นเต็มเวลา 12 เกม (ต้องเล่นถึงดวลจุดโทษตัดสิน 2 เกม) มีเพียง 2 เกมเท่านั้นที่ถูกเปลี่ยนตัวออกคือเกมอุ่นเครื่องกับฮอลแลนด์ (เล่น 69 นาที) และลักเซมเบิร์ก (เล่น 64 นาที)

    64 เกม ตัวจริง 62 เกม ตัวสำรอง 2 เกม เล่นรวม 5,589 นาที นี่คือจำนวนเกมและนาทีทั้งหมดที่ แอนดี้ โรเบิร์ตสัน ลงสนามเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา

    ร็อบโบ้ฟิตเหมือนซูเปอร์แมนนะครับ แต่การกรำศึกมากมายอยู่คนเดียวในตำแหน่งของตัวเองอย่างนี้ ไม่มีตัวหมุนตัวเปลี่ยนเลยก็อดเป็นห่วงแทนไม่ได้

    ความฟิตและการประกาศตัวว่าพร้อมสู้แย่งตำแหน่งเต็มที่ของซิมิกาสจึงเป็นเรื่องดีต่อทีมแน่ๆ

    จากการให้สัมภาษณ์ของซิมิกาส สภาพจิตใจของเขาอยู่ในระดับดีเยี่ยม สนุกกับการซ้อมที่เข้มข้นและหนักหน่วงของคล็อปป์ ตั้งหน้าตั้งตารอให้ถึงเกมอุ่นเครื่องเร็วๆ ที่สำคัญคือเขาต้องการท้าทายแบ๊กซ้ายอันดับหนึ่งของโลกในสายตาของตัวเอง เป้าหมายแบบนี้ยิ่งทำให้เขามีแรงจูงใจ

    ในมุมของแฟนบอล บางคนอาจด่วนตัดสินซิมิกาสไปแล้ว แต่คิดดูอีกทีเรายังไม่ได้เห็นเขาแบบจริงๆ จังๆ เลยนะครับ เขาอาจเบียดขึ้นมาไม่ได้แต่ด้วยเงื่อนไขประกอบกันหลายอย่าง ฤดูกาลนี้น่าจะได้เห็นหน้าเห็นหลังมากขึ้น

    ถ้ามองให้ฉีกในแง่ดีไปเลย ลิเวอร์พูลก็ได้แบ๊กซ้ายตัวใหม่เพิ่มเข้ามาเสริมเกมรับอีกหนึ่งคนนอกจาก อิบราฮิมา โกนาเต้ มันก็น่าตื่นเต้นดีเหมือนกัน

    ตังกุย