Football Sponsored

คู่แข่ง “นิชิโน” มาแล้ว!! สื่อดังเผยมีกุนซือเสนอตัวคุม “ช้างศึก” – ผู้จัดการออนไลน์

Football Sponsored
Football Sponsored


ภายหลังจากที่ทีมฟุตบอลทีมชาติไทย ทำผลงานได้อย่างน่าผิดหวัง ด้วยการจบอันดับ 4 รองบ๊วยของกลุ่มจี ศึกฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก รอบ 2 โซนเอเชีย

ส่งผลให้ทีมชาติไทยถูกวิจารณ์อย่างหนักถึงผลงานดังกล่าว โดยเป้าใหญ่คือ อากิระ นิชิโนะ กุนซือชาวญี่ปุ่น ที่ผลงาน 3 นัดหลัง เสมอ อินโดนีเซีย 2-2, แพ้ ยูเออี 1-3 และ แพ้ มาเลเซีย 0-1 กับการรับเงินค่าจ้าง 1 ปี ราว 30 ล้านบาท ว่าไม่คุ้มค่าผลงาน และมีกระแสกดดันจากแฟนบอลชาวไทย อย่างหนัก

ขณะที่ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย กล่าวถึงอนาคตของกุนซือชาวญี่ปุ่นว่า ตอนนี้ยังต้องรอตัว นิชิโนะ กลับมาสรุปผลงานหลังจบรายการนี้ก่อน โดยอดีตกุนซือทีมชาติญี่ปุ่น จะกลับถึงประเทศไทยในวันที่ 20 กรกฎาคมนี้

ทั้งนี้สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย จำเป็นต้องเตรียมทีมเพื่อร่วมการแข่งขันฟุตบอลเอเอฟซี เอเชี่ยน คัพ รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ที่ประเทศอุซเบกิสถาน เป็นเจ้าภาพ รอบสุดท้าย ระหว่างวันที่ 1-19 มิถุนายน 2565 โดยทัพช้างศึกต้องลงเล่นรอบคัดเลือก ด้วยการอยู่ในกลุ่ม เจ ร่วมกับ มาเลเซีย, ลาว และ มองโกเลีย ซึ่งจะมีการแข่งขันระหว่างวันที่ 23-31 ตุลาคมนี้ ที่ประเทศมองโกเลีย

ล่าสุดสื่อกีฬายักษ์ใหญ่อย่าง “ฟุตบอลสยามรายวัน” เผยว่า ลี ลิม เซียง อดีตกองหลังทีมชาติเกาหลีใต้ ชุดฟุตบอลโลก 1998 ที่ฝรั่งเศส วัย 49 ปี และมีประสบการณ์เคยคุมทีม ซูวอน ซัมซุง บลูวิงส์ ในปี 2019-2020 โดยปี 2019 สามารถพาทีมคว้าแชมป์ฟุตบอล เอฟเอ คัพ เกาหลีใต้ กลายเป็นอีกหนึ่งรายชื่อที่เสนอตัวคุม “ช้างศึก”

โดยมีรายงานว่าอดีตดาวเตะชาวเกาหลีใต้รายนี้ เสนอวิสัยทัศน์ในการพัฒนาทีมชาติไทย เนื่องจากเจ้าตัวเชื่อว่ามีศักยภาพ รวมถึงหลายชาติอาเซียน ก็เลือกใช้กุนซือคุณภาพจากภูมิภาคเอเชียตะวันออก

Football Sponsored
ฟุตบอล

ฟุตบอลเป็นกีฬาที่นิยมเล่นมากที่สุดในประเทศไทย โดยเริ่มเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2440 และฟุตบอลทีมชาติไทยได้ร่วมเป็นสมาชิกฟีฟ่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2468 นับว่าเป็นประเทศแรกของโซนเอเชียที่เป็นสมาชิกฟีฟ่า แต่เป็นทีมที่ในอดีตไม่ประสบความสำเร็จในระดับไหนเลย แต่ได้เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพเอเชียนคัพ 2007 ในอดีตประเทศไทยไม่ค่อยสนับสนุนนักฟุตบอลอาชีพนัก นักเตะจึงนิยมไปค้าแข้งกับประเทศอื่นที่มีการสนับสนุนดีกว่า แต่หลังจากปี พ.ศ. 2552 ฟุตบอลอาชีพไทยเริ่มตื่นตัว เนื่องจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียตั้งกฎข้อบังคับให้แต่ละสโมสรจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่มีสโมสรองค์กร รัฐวิสาหกิจ ปรับตัวไม่ได้ จึงต้องมีการยุบทีมทิ้ง หรือขายทีมไป หลังจากไทยพรีเมียร์ลีก 2552 เริ่มขึ้น แฟนบอลเริ่มเข้ามาชมเกมส์ในสนามมากขึ้น เงินเดือนนักเตะสูงขึ้น การจัดการของแต่ละสโมสรดีขึ้น ลีกไทยค่อย ๆ พัฒนาเป็นระดับ ส่งผลทำให้นักฟุตบอลที่เคยไปค้าแข้งต่างแดนกลับมายังประเทศไทย เนื่องจากค่าตอบแทนไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ผลงานทีมชาติกลับสวนทางเพราะว่าต้องใช้เวลาปรับตัว เนื่องจากยุคที่ลีกบ้านเรายังไม่เจริญนักฟุตบอลมีเวลาเตรียมทีมเยอะ แต่ปัจจุบันแทบจะไม่ค่อยมีเวลาเพราะสโมสรเรียกเก็บตัวซ้อมเพื่อการแข่งขัน นักเตะจึงต้องใช้เวลาปรับตัว แต่ถือว่าฟุตบอลของประเทศไทยพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพราะหลังจากนั้นเพียง 2 ปี แฟนบอลหันมาเชียร์ทีมในจังหวัดตัวเองมากขึ้น ทีมกระจายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ส่งผลทำให้เกิดท้องถิ่นนิยม จึงเป็นที่มาที่แฟนบอลไทยเข้าไปชมเกมฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 และดิวิชั่น 2 มากขึ้นนั่นเอง

This website uses cookies.