บอลยูโร 2020 สุดหงอยเม็ดเงินสะพัดแค่ 6.2 หมื่นล้านบาท ต่ำสุดรอบ 10 ปี ชี้เงินพนันผ่านเว็บไหลออกนอกต่างประเทศนับ 3 หมื่นล้านบาท เหลือเงินในประเทศแค่ครึ่งเดียว อังคารที่ 22 มิถุนายน 2564 เวลา 14.40 น.
นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดี และประธานที่ปรึกษา ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายของประชาชนในช่วงฟุตบอลยูโร 2020 ที่สำรวจตัวอย่าง 1,200 คนทั่วประเทศ วันที่ 15-18 มิ.ย.64 ว่า คาดมีมูลค่าใช้จ่าย 62,440ล้านบาท ลดลง 20.3% เทียบกับฟุตบอลโลก 2018ที่ใช้จ่าย 78,386 ล้านบาท เป็นมูลค่าต่ำสุดในรอบ 10 ปี นับจากฟุตบอลโลก 2010 ที่มีการใช้จ่าย 59,700 ล้านบาท แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ การใช้จ่ายในระบบเศรษฐกิจ 15,202 ล้านบาท ลดลง 15.1% จากฟุตบอลโลก 2018 ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ หรือต่ำสุดในรอบ 15 ปีนับจากเริ่มสำรวจมาตั้งแต่ฟุตบอลโลก 2006 และเป็นการใช้จ่ายนอกระบบ (พนันบอล) อีก 45,840 ล้านบาท ลดลง 22.3% เทียบกับฟุตบอลโลก 2018 ที่มีเงินพนัน 58,996 ล้านบาท
สำหรับมูลค่าใช้จ่ายดังกล่าวส่วนใหญ่จะซื้ออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์/อุปกรณ์รับสัญญาณ, ซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า, พนันบอล, ซื้ออาหาร เครื่องดื่ม และซื้ออุปกรณ์กีฬา โดยการใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคนลดลง 38.2% จากบอลโลก 2018 ขณะที่พฤติกรรมการเล่นพนัน ผู้ตอบมากถึง 65.2% เล่นพนัน แต่ส่วนใหญ่เล่นเฉพาะทีมที่ชอบ มีเพียงเล็กน้อยที่เล่นทุกนัด โดยเล่นพนันแต่ละนัด 1,001-5,000 บาท หรือเฉลี่ยต่อนัดที่ 3,807 บาท โดยจะเล่นพนันผ่านเว็บไซต์พนันมากสุด ตามด้วยเล่นกันเองกับคนรู้จักเพื่อน และโต๊ะบอล
“บอลยูโร 2020 มีผลช่วยกระตุ้นการจับจ่าย และเศรษฐกิจไม่ได้มากนัก เพราะมีเงินเข้าสู่ระบบเพียง 15,200 ล้านบาท แม้จะมีเงินจากการเล่นพนันมากถึงกว่า 45,000 ล้านบาท แต่ส่วนใหญ่เป็นการเล่นพนันออนไลน์กับเว็บไซต์ ที่มีเซิร์ฟเวอร์อยู่ต่างประเทศ เงินก็จะโอนออกไปต่างประเทศ อาจมีบางส่วน หรือประมาณ 10,000-15,000 ล้านบาทตกอยู่ในประเทศ ซึ่งเมื่อรวมๆ แล้วครั้งนี้ อาจมีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบจริงประมาณ 30,000 ล้านบาท มีผลทำให้เศรษฐกิจไทยไตรมาส 3 เพิ่มขึ้นได้ 0.3% หรือทำให้ทั้งปี เพิ่มขึ้นได้อีก 1%”
100%
0%
This website uses cookies.